ปัญหาด้านจริยธรรมมีให้รับรู้ได้ในชีวิตประจำวัน
มีทั้งเรื่องเล็กน้อยไปจนกระทั่งถึงเรื่องใหญ่โตระดับชาติ เรื่องที่มีผลกระทบรุนแรงส่วนใหญ่เกิดจากผู้ใหญ่ที่มีการศึกษา
มีสถานภาพทางสังคมและมีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง คนเหล่านี้มีความบกพร่องอะไรในเชิงจริยธรรม
เกิดจากการเลี้ยงดูในวัยเด็กหรือระบบโรงเรียนมีปัญหา
เด็กชายสุรศักดิ์ สิทธิพรมมา
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 บิดามารดามีอาชีพทำนา เก็บเงินที่เพื่อนในโรงเรียนทำหล่นหายในเช้าวันหนึ่งได้
แล้วนำส่งครูประกาศหาเจ้าของหน้าเสาธง เพื่อนได้รับเงินคืน สุรศักดิ์
สิทธิพรมมาได้รับคำชมเชยจากครูและเสียงปรบมือจากเพื่อนทั้งโรงเรียน
"เด็กชายสุรศักดิ์ สิทธิพรมมา"
เด็กชายจารุกิตติ์ จานิกร
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 บิดามีอาชีพรับจ้าง
มารดาเป็นแม่ค้าขายปลาที่ตลาดสด เก็บสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ที่มีคนทำหล่นหายในบริเวณโรงเรียนในเช้าวันหนึ่งได้
แล้วนำส่งครูประกาศหาเจ้าของหน้าเสาธง เจ้าของได้รับสร้อยคอคืน จารุกิตติ์ จานิกรได้รับคำชมเชยจากครูและเสียงปรบมือจากเพื่อนทั้งโรงเรียนเช่นกัน
ความซื่อสัตย์เหล่านี้เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนในวัย
6
– 7 ขวบได้อย่างไร
“ผมเห็นสร้อยหล่นแล้วดีใจ.......อยากทำดีเลยไปคืนที่ครู”
หนึ่งในนั้นกล่าวถึงความรู้สึกเมื่อพบสร้อยคอทองคำที่หล่นอยู่บนพื้นในสนามบาสเกตบอล
"เด็กชายจารุกิตต์ิ จานิกร"
ความซื่อสัตย์ของเด็กเมื่อวิเคราะห์ตามหลักพัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบริ์ก
(Kohlberg) ซึ่งกล่าวว่า จริยธรรมเป็นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความถูกผิดและเกิดขึ้นจากกระบวนการทางความคิดอย่างมีเหตุผล
ซึ่งต้องอาศัยวุฒิภาวะทางปัญญา การใช้เหตุผลเพื่อตัดสินที่จะเลือกกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
จะแสดงให้เห็นถึงความเจริญของจิตใจของบุคคล
การใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ของสังคมใดสังคมหนึ่งโดยเฉพาะ
แต่เป็นการใช้เหตุผลที่ลึกซึ้งยากแก่การเข้าใจยิ่งขึ้นตามลำดับของวุฒิภาวะทางปัญญา
โคลเบริ์ก
ได้แบ่งพัฒนาการทางจริยธรรมออกเป็น 3 ระดับ
ซึ่งในที่นี้จะกล่าวเฉพาะระดับที่ 1 ที่สอดคล้องกับวัยของเด็กทั้ง
2 คน
ระดับที่ 1 ระดับก่อนมีจริยธรรมหรือระดับก่อนกฎเกณฑ์ทางสังคม (Pre –
Conventional Level) ระดับนี้เด็กจะรับกฎเกณฑ์และข้อกำหนดของพฤติกรรมที่ดีและไม่ดีจากผู้มีอำนาจเหนือตน
เช่น บิดามารดา ครูหรือเด็กโตและมักจะคิดถึงถึงผลตามที่จะนำรางวัลหรือการลงโทษ
พฤติกรรมดีคือ พฤติกรรมที่แสดงแล้วได้รางวัล พฤติกรรมไม่ดีคือ
พฤติกรรมที่แสดงแล้วได้รับโทษ
บุคคลจะตอบสนองต่อกฎเกณฑ์ซึ่งผู้มีอำนาจทางกายเหนือตนเองกำหนดขึ้น
จึงตัดสินใจเลือกแสดงพฤติกรรมที่เป็นหลักต่อตนเอง โดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น
จะพบในเด็ก 2 – 10 ปี
จริยธรรมในวัยเด็ก (2 –
10 ปี)
ไม่คำนึงถึงความยุติธรรมและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นหรือความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น
แบ่งเป็น 2 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 เด็กจะใช้ผลตามของพฤติกรรมเป็นเครื่องชี้ว่า พฤติกรรมของตนถูกหรือผิด เช่น
ถูกลงโทษแสดงว่าสิ่งที่ตนทำผิด ได้รางวัลแสดงว่าสิ่งที่ตนทำถูก
ขั้นที่ 2 เด็กจะทำตามกฎเกณฑ์ข้อบังคับเพื่อประโยชน์หรือความพอใจของตนเอง
หรือทำดีเพราะอยากได้ของตอบแทนหรือรางวัล พฤติกรรมของเด็กในขั้นนี้ ทำเพื่อสนองความต้องการของตนเอง
ระบบโรงเรียนจึงต้องมีกิจกรรมที่แสดงให้เห็นผลตามของพฤติกรรมทั้งถูกและผิด
เช่น
กิจกรรมยกย่องชมเชยนักเรียนที่ทำความดีและลงโทษนักเรียนที่ทำความผิดทางจริยธรรม ระเบียบกฎเกณฑ์ของการกระทำความดีแล้วได้ของตอบแทนหรือรางวัล
เช่น โครงการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมด้านต่าง ๆ เป็นต้น
จริยธรรมเป็นความรู้ความเข้าใจ
เมื่อนำไปใช้ต้องมีทักษะคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ จนถึงประเมินค่าสิ่งที่ทำว่า เป็นสิ่งชอบหรือชั่วดี
เป็นความรู้ระดับลึกที่เรียกว่า ปัญญา
การเรียนรู้จริยธรรมของเด็กอาจใช้ความรู้ในระดับขั้นรู้สึกที่ทำตามแบบหรือความต้องการด้านบวกของตนเองเท่านั้น
แต่มีความสำคัญเพราะเป็นหน่ออ่อนของความดีที่กำลังผลิบาน (Burgeoning
of Goodness) และรอการเจริญเติบโตไปเป็นต้นไม้แห่งความดีที่ยั่งยืนในวัยผู้ใหญ่
โรงเรียนจึงเป็นแปลงเพาะชำจริยธรรมของเด็กเพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิปัญญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น