สุริยา
เผือกพันธ์: เขียน
“วัฒนธรรมการเรียนรู้แบบเดิมที่นักเรียนเป็นผู้รับ
(Passive
learning) ครูเป็นผู้ให้
ไม่อาจทำให้นักเรียนกลายเป็นผู้รู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งอนาคตได้”
อรพินท์ สพโชคชัย (2537) กล่าวถึง การมีส่วนร่วมในการวางแผนและการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนไว้ว่า
ชุมชนหรือหมู่บ้านประกอบด้วยครอบครัวหลาย ๆ ครอบครัวและกลุ่มบุคคลหลาย ๆ
กลุ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน มิใช่เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ดังนั้น
วิธีการที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นการพัฒนาชุมชนที่เหมาะสมเป็นประชาธิปไตยและจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้คือ
การพัฒนาที่เปิดโอกาสให้บุคคลและผู้แทนของกลุ่มบุคคลที่อยู่ในชุมชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชุมชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางในการพัฒนาชุมชน
ร่วมตัดสินอนาคตของชุมชน ร่วมดำเนินกิจกรรมการพัฒนาและร่วมรักษาสมบัติของชุมชน
ทั้งน้เพราะการที่จัดให้ผู้แทนจากกลุ่มต่าง ๆ ในชุมชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจ
เป็นการสร้างความเข้าใจร่วมกันในการดำเนินงานพัฒนาของชุมชน สร้างความยอมรับและความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นสมาชิกของชุมชนและสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการและมีความภูมิใจในผลงาน
สิ่งเหล่านี้จะเป็นพลังผลักดันให้โครงการหรือกิจกรรมการพัฒนาชุมชนหรือหมู่บ้านดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
ต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ
โรงเรียนมีชัยพัฒนา
จัดกิจกรรมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการร่วมเป็นคณะกรรมการจัดซื้อและตรวจรับพัสดุของโรงเรียนทั้งนี้
เพื่อฝึกฝนให้เรียนรู้และมีทักษะด้านการงบประมาณ การวางแผน ความโปร่งใสและการเจรจาต่อรอง
“นายอังกูร
ธนภานุวงศ์ (ชีร์) ชั้น ม.4 และ ด.ญ.
พัชริดา ทองลาด (มายด์) ชั้นม. 3
ยุวนักพัฒนาผู้ทำหน้าที่เก็บข้อมูลศึกษาสภาพของโรงเรียน ปีการศึกษา 2558”
กระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวได้ศึกษาบทเรียนของกระบวนการพัฒนาชุมชนมาประยุกต์ใช้
โดยการจัดประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นในการพัฒนาโรงเรียน
เพื่อเป็นส่วนช่วยเสริมให้งานของนักเรียนที่เรียนรู้การเป็นยุวนักพัฒนา โดยผสมกลมกลืนกับกระบวนการพัฒนาโรงเรียน
อันจะเป็นกระบวนการที่ช่วยเสริมงานของครูนักพัฒนาได้ใกล้ชิด เข้าใจความต้องการ
เข้าใจความรู้สึกของนักเรียนและเป็นโอกาสที่จะกระตุ้นนักเรียนให้พร้อมใจกันพัฒนาโรงเรียนของตนเอง
กระบวนการจัดประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นเพื่อพัฒนาโรงเรียน
ประยุกต์มาจากกระบวนการพัฒนาชนบทดังแผนภูมิ
1. การศึกษาโรงเรียน 2.
การเตรียมโรงเรียน 3.
การเตรียมการประชุม
6. การประเมินผล 5. การดำเนินการพัฒนาโรงเรียนการ 4. จัดประชุมนักเรียน
การจัดประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นเพื่อพัฒนาโรงเรียน
ควรดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1.ขั้นการเตรียมการ หมายถึง
กิจกรรมที่ควรดำเนินการก่อนที่จะจัดประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นในการพัฒนาโรงเรียน
โดยมีขั้นตอนที่จำเป็นดังนี้
1.1 การศึกษาชุมชนโรงเรียน
การที่ยุวนักพัฒนาจะจัดประชมระดับโรงเรียนได้ต้องทำความเข้าใจข้อมูล สภาพโรงเรียน
ลักษณะภูมิประเทศ นักเรียนระดับชั้นต่าง ๆ ผู้นำ ความเชื่อ ศิลปวัฒนธรรม
การบริหารโรงเรียน ตลอดจนสภาพปัญหาต่าง ๆ
1.2
การวิเคราะห์และคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย ผู้เข้าร่วมประชุมเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง
ที่จะทำให้การประชุมประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น ครูนักพัฒนา (ผู้นำการประชุม)
ควรวิเคราะห์และคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายในโรงเรียนจากระดับชั้นต่าง ๆ ประมาณ 30
คน
1.3
การจัดประชุมกรรมการที่คัดเลือกมาและการเตรียมการประชุม ก่อนที่จะจัดการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นในการพัฒนาโรงเรียน
การเตรียมนักเรียนเพื่อให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์เบื้องต้นของการประชุม
ประโยชน์ที่นักเรียนจะได้รับ
ขั้นตอนที่สำคัญและจำเป็นต้องดำเนินการอีกขั้นตอนหนึ่ง
“การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative
learning) เป็นการฝึกทักษะที่จำเป็นของศตวรรษที่ 21st”
1.4
การเตรียมตัวของครูนักพัฒนาผู้นำการประชุม ความสำเร็จประการหนึ่งในการจัดการประชุมตามกระบวนการนี้อยู่ที่ความสามารถและศิลปะของผู้นำการประชุมที่สามารถฝึกฝนได้
1.5
การเตรียมการประชุม เตรียมอุปกรณ์และสถานที่
ห้องประชุมหรือสถานที่ประชุมควรเป็นห้องขนาดพอสมควร
มีพื้นที่เพียงพอสำหรับจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม ควรอยู่ในโรงเรียนเพื่อสะดวกในการเดินทาง
ควรมีผนังหรือแผ่นกระดาษที่สามารถใช้ติดภาพและรายงานได้
การจัดที่นั่งประชุมควรเป็นรูปครึ่งวงกลมไม่จำเป็นต้อใช้โต๊ะ
เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถเคลื่อนไหว พูดคุยและเสนอความเห็นได้สะดวก
“การศึกษาดูงานของกลุ่มต่าง
ๆ เป็นสภาพปกติของโรงเรียน”
ความเป็นประชาธิปไตย
เป็นคุณค่าหลักหนึ่งในหลายอย่างที่โรงเรียนมีชัยพัฒนาได้ส่งเสริมนักเรียนให้ได้เรียนรู้
กระบวนการพัฒนาโรงเรียนโดยใช้พลังนักเรียนเป็นการเรียนรู้ทักษะชีวิตในสถานการณ์จริงและเป็นโลกของความเป็นจริง
เป็นการเตรียมนักเรียนให้เรียนรู้กับการเผชิญและแก้ปัญหาในอนาคต ที่ปัญหาใหม่ต่าง
ๆ กำลังคุกคามเราทั้งภายในภายนอกจนทำให้เราต้องใส่ใจกับวิธีคิดและการแก้ปัญหาที่มีความสลับซับซ้อนเพิ่มสูงขึ้น
ด้วยว่าวัฒนธรรมการเรียนรู้แบบเดิมที่นักเรียนเป็นผู้รับ
(Passive
learning) ครูเป็นผู้ให้ ไม่อาจทำให้นักเรียนกลายเป็นผู้รู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งอนาคตได้
อรพินท์
สพโชคชัย (2537). คู่มือการจัดประชุมเพื่อระดมความคิดในการพัฒนาหมู่บ้าน
การพัฒนาหมู่บ้าน
โดยพลังประชาชน. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย.
โดยพลังประชาชน. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น