สุริยา เผือกพันธ์ : เขียน
แม้การตีเกราะเคาะไม้
ปล่อยควันไฟและใช้นกพิราบ
จะหายสาบสูญไปจากระบบการสื่อสารที่ปัจจุบันพัฒนาไปไกลจนสุดประมาณนานแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเทคโนโลยีการสื่อสารจะได้รับการอนุญาตให้ทำหน้าที่ได้ในทุกสถานการณ์
มนุษย์ต้องการการสื่อสาร แบ่งปัน
จัดเก็บและสร้างสรรค์
การเจริญเติบโตของเทคโนโลยีสามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้สะดวก
รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันอัตราการเจริญเติบโตเกิดขึ้นเร็วมาก
มากจนอุปกรณ์บางอย่างใช้ยังไม่ทันเก่า ก็มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาทดแทนเสียแล้ว
การจัดการเรียนรู้ในระบบโรงเรียน
เทคโนโลยีได้แทรกตัวเข้าไปสู่ระบบการเรียนการสอนและการบริหารจัดการอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้นและเครื่องมือต่าง
ๆ ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โทรศัพท์มือถือ
ที่มีสมรรถนะมากกว่าคอมพิวเตอร์ในสมัยก่อน
แต่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ โรงเรียนส่วนมากห้ามนักเรียนใช้เทคโนโลยี
!!!!
ในขณะที่พวกเขากำลังก้าวสู่โลกของการทำงาน
ซึ่งแตกต่างจากโลกในโรงเรียนอย่างมาก
โลกที่ต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาและหาข้อมูล กระนั้นก็ตาม
โรงเรียนทั่วไปที่มีข้อห้ามการใช้เทคโนโลยี มิได้ห้ามด้วยเหตุผลเชิงเศรษฐศาสตร์
แต่เป็นเหตุผลในการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเสียมากกว่า
ในสังคมของผู้ใช้เทคโนโลยี
เราจะเห็นผู้คนแสดงความหยาบคายต่อผู้อื่นตลอดเวลา
คุยโทรศัพท์ระหว่างที่ภาพยนตร์กำลังฉาย รับโทรศัพท์ขณะรับประทานอาหาร
ส่งข้อความขณะขับรถ มีพฤติกรรมเสี่ยงอีกมากหรือไม่เหมาะสมแก่กาละเทศะทุกประการ
ดักลาส พิชเชอร์และแนนซี่ เฟรย์
สองนักการศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยซานดิเอโกสเตต (San Diego State University) ผู้พัฒนาการนำเทคโนโลยีทีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วสุดขั้ว
มาใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ของนักเรียนเสนอว่า ได้ยุติการห้ามใช้เทคโนโลยีและหันไปเน้นเรื่องมารยาท
โดยสนับสนุนให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมแทน
หลังการใช้เทคโนโลยีแล้วมาหลายปีพบว่า
เทคโนโลยีไม่มีปัญหาอีกต่อไป “ไม่ต้องยึดโทรศัพท์และไม่ได้เสียเวลาอันมีค่าไปกับการบังคับใช้นโยบายอย่างในศตวรรษก่อน”
และข้อเสนอต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเรื่องของการมีมารยาทในการใช้เทคโนโลยี เช่น
กล่าวคำว่า ขอความกรุณาและขอบคุณ
ตั้งใจ/มีสมาธิในการเรียน
สุงสิงกับเพื่อนในช่วงพักระหว่างคาบเรียนและพักกลางวัน
ถามคำถามและมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้นและครู
ร้องขอยอมรับ
เสนอหรือปฏิเสธความช่วยเหลืออย่างสุภาพ
ให้ครูและเพื่อนร่วมชั้นพูดจบโดยไม่พูดแทรก
ทิ้งขยะหลังรับประทานอาหารเสร็จ
รักษาความสะอาดบริเวณที่ตนทำงาน
รายงานปัญหาความปลอดภัยหรือปัญหาอื่น
ๆ ที่เจ้าหน้าที่ควรให้ความสนใจ เป็นต้น
ส่วนตัวอย่างเรื่อง
ความไร้มารยาทที่ไม่ควรประพฤติ เช่น
ใช้ภาษาไม่สุภาพ หยาบคาย
ล่วงเกินหรือดูหมิ่น
ฟังเพลงจากไอพอด เอ็มพี 3 ระหว่างการเรียนอย่างเป็นทางการ เช่น ขณะครูบรรยายหรือขณะทำงานกลุ่ม
ส่งข้อความหรือคุยโทรศัพท์ในเวลาเรียน
พาลหาเรื่อง
ยั่วเย้าหรือคุกคามผู้อื่น
แย่งแบรนด์วิทและหรือเวลาใช้คอมพิวเตอร์
ผิดนัดหรือทำงานไม่เสร็จตามกำหนด
ไม่แจ้งให้ทราบเมื่อมาโรงเรียนไม่ได้
เป็นต้น
เมื่อนโยบายการใช้เทคโนโลยีในโรงเรียนเปลี่ยนไปเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้
โดยมีจุดเน้นที่ต้องการการสื่อสาร การแบ่งปัน
การจัดเก็บและการสร้างสรรค์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
การออกแบบการใช้เทคโนโลยีจึงต้องเป็นภารกิจของครู ผ่านการสอนอย่างจงใจ (Intentional
Instruction) เพื่อปล่อยความรับผิดชอบในการเรียนรู้เป็นของนักเรียน
โดยใช้โมเดลแบบปล่อยความรับผิดชอบทีละน้อย (Gradual release of
responsibility)
ดุกค์และเพียร์สัน (Duke
& Pearson) กล่าวว่า ให้ครูเปลี่ยนจาก “การรับผิดชอบในงานทั้งหมดไปสู่สถานการณ์ที่นักเรียนเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด”
บทบาทการสอนเพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าถึงเทคโนโลยี (Web 2.0 Tools) เป็นเรื่องสำคัญมาก
โมเดลแบบปล่อยความรับผิดชอบทีละน้อยที่นำมาใช้ ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ประการคือ
1.บทเรียนเน้นประเด็น
ด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์และการที่ครูสร้างโมเดลการใช้เทคโนโลยีให้เป็นตัวอย่างแก่นักเรียนในขณะเรียน
บทเรียนลักษณะนี้มุ่งการสอนแบบชี้แนะ ไม่ใช่เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
2. การสอนแบบชี้แนะ
เป็นการบอกใบ้ ตั้งคำถาม กระตุ้น เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนใช้ความคิด โดยใช้เทคโนโลยี
(Web 2.0 Tools) เพื่อตอบสนองการสอนที่เจาะจงได้ เช่น Website
Twitter Facebook E-mail เพราะเครื่องมือเหล่านี้
ช่วยอำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนความรับผิดชอบ
จากครูไปสู่นักเรียนและให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่นักเรียนในการพัฒนาทักษะการคิด
3. ภารกิจความร่วมมือ
ผ่านกิจกรรมการเขียนและการสอนแบบช่วยเหลือกันทางอินเทอร์เน็ต ผ่าน Web 2.0
Tools เช่น การเขียนบทความ ค้นหาบทความ อ่าน วิพากษ์ วิจารณ์
เป็นการสร้างเงื่อนไขให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์โดยใช้ภาษาและเนื้อหาในสาขาวิชานั้น
ๆ และนักเรียนต้องรับผิดชอบในส่วนงานของตนเองที่มีผลต่องานของกลุ่ม
4. การเรียนรู้ด้วยตนเอง
นักเรียนต้องผ่านการฝึกฝน การใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีต่าง ๆ
ก่อนถูกสั่งให้ไปทำงานด้วยตนเอง เครื่องมือ Web 2.0 Tools เช่น
พอดคาสต์ Discussion Board เป็นต้น
ข้อกังวลของโรงเรียนที่มีนโยบายเน้นรูปแบบการใช้เทคโนโลยีคือ
งบประมาณที่เพิ่มมากขึ้น เพราะการเน้นรูปแบบการใช้เทคโนโลยีเป็นหลักไม่สามารถติดตามความก้าวหน้าได้ทัน
หากเปลี่ยนมุมมองมาเป็นการเน้นหน้าที่เป็นหลัก
โรงเรียนจะหมดกังวลเรื่องทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะเครื่องมือต่าง ๆ
เหล่านี้ปัจจุบันนักเรียนบางคนจะมีอยู่แล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค แทปเล็ต
และโทรศัพท์มือถือไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง หากได้ถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้แก่นักเรียน
จะเป็นการปฏิรูปการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลางอย่างตรงไปตรงมา โรงเรียนอย่ามัวตีเกราะเคาะไม้อยู่เลย
โปรดคืนอิสรภาพแก่เทคโนโลยี !!!!
ดักลาส
พิชเชอร์ & แนซี่ เฟรย์ (2556). การเตรียมนักเรียนให้เชี่ยวชาญทักษะแห่งศตวรรษที่ 21. ทักษะแห่ง
อนาคตใหม่: การศึกษาเพื่อศตวรรษที่
21. บริษัทโอเพ่นเวิรลด์ พับพลิชเฮาส์ จำกัด.