Thomas
C. Murray and Jeffrey Zou : เขียน
สุริยา เผือกพันธ์ : แปลและเรียบเรียง
“นักเรียนไม่ต้องการใช้เวลาของพวกเขาให้เสียไปกับการทำงานที่เป็นแบบฝึกหัดและกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่ใช่งานส่วนตัว
และไม่ต้องแปลกใจ ครูก็เช่นกัน”
คำสำคัญ
:
การเรียนรู้แบบมืออาชีพ (Professional learning),
การมอบอำนาจให้ครู (Empowers teachers)
ในฐานะนักการศึกษา
งานหลักของพวกเราคือ เรื่องเกี่ยวกับการเรียนรู้ การเพิ่มเติมสิ่งต่าง ๆ
เข้าไปในบทบาทของครูเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งด้วย ดังนั้น สิ่งที่สำคัญของการจัดการศึกษาคือ
การจัดการเรียนรู้และโรงเรียนต่าง ๆ ต้องให้ความสำคัญ
แน่ละเมื่อเราพูดถึงเรื่องการเรียนรู้ในฐานะที่เป็นงานหลักของพวกเรา
สิ่งแรกที่เราจะต้องคิดถึงก็คือ ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของเด็กนักเรียน
นักการศึกษาที่มีชื่อเสียงทั้งหลายได้กล่าวว่า นักเรียนที่ได้เรียนและมีความก้าวหน้าในการพัฒนาศักยภาพของพวกเขาอย่างที่เป็นอยู่นี้
เป็นเพียงมาตรฐานขั้นต่ำที่นักเรียนทุกคนจะได้รับจากการสอนเท่านั้น แต่การเรียนรู้ขั้นสูงสุดยังไปไม่ถึง
ตั้งแต่ที่พวกเราได้นำเอาหลักการนี้มาให้นักเรียนได้เรียนรู้และพัฒนา มันเป็นการยืนยันด้วยเหตุผลที่ชัดเจนว่า
ครูกับนักเรียนต้องมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ใกล้เคียงกัน ถ้าไม่เท่าเทียมกัน
มันจะเป็นเรื่องใหญ่มาก ครูซึ่งมีรูปแบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต จะเพิ่มพูนการเรียนรู้และทักษะอย่างต่อเนื่อง
และดูเหมือนว่าได้สร้างนักเรียนให้มีความรู้ตามไปด้วย
ในรูปแบบการเรียนรู้แบบดั้งเดิม
ครูจะรู้สึกบ่อย ๆ ว่าการเรียนรู้แบบมืออาชีพเป็นสิ่งที่อยู่ไกลตัว มันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน
การใช้สิทธิใช้เสียงของครูในการเรียนรู้แบบมืออาชีพเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในโรงเรียนหลาย ๆ แห่ง สำหรับในโรงเรียนที่ส่งเสริมความเป็นมืออาชีพ
(Professional) แล้ว
การมอบอำนาจให้ครูออกแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นสิ่งจำเป็น ในทางกลับกันถ้าครูได้มีความเป็นเจ้าของและมีความสามารถในความรับผิดชอบในผลลัพธ์การเรียนรู้ของตนเองจะนำไปสู่การเรียนรู้แบบมืออาชีพได้
เราไม่เชื่อว่า การเรียนรู้แบบดั้งเดิมที่อยู่บนฐานของการใช้ชั่วโมงเรียนของครู (hours-based
Model) จะรับประกันผลการเรียนรู้ได้ทุกเรื่อง
บัดนี้เวลาแห่งวิสัยทัศน์ใหม่ได้มาถึงแล้วสำหรับการเรียนรู้แบบมืออาชีพ
การเรียนรู้แบบมืออาชีพที่มีประสิทธิภาพจะครอบคลุมกระบวนการเรียนรู้ทุกส่วนเหมือนการสอนในชั้นเรียนที่มีประสิทธิภาพ
มันจะมีการจัดโครงสร้าง แน่นอนละต้องมีความยืดหยุ่น เน้นที่ครูและความเป็นส่วนตัว
ดังนั้นมันเป็นความร่วมมือระหว่างครูแต่ละคนและวิธีการนี้จะเป็นการสร้างความเป็นผู้นำการเรียนการสอนด้วย
การอนุญาตให้ครูได้ใช้สิทธิในการเลือก ภายในระบบที่มีความคาดหวังและสร้างจิตสำนึกในการเรียนรู้แบบมืออาชีพ
จะอยู่บนพื้นฐานของความต้องการของครูแต่ละคน ที่ใช้โลกของความเป็นจริงมาสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง
อันจะทำให้ครูมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยจากสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติ
การเรียนรู้แบบมืออาชีพที่มีประสิทธิภาพคล้ายกับการสอนในห้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ
ผลลัพธ์ของการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมและประโยชน์ที่ได้รับมากขึ้น เกิดจากการพัฒนาปรับปรุงในผลลัพธ์ต่าง
ๆ “นักเรียนไม่ต้องการใช้เวลาของพวกเขาให้เสียไปกับการทำงานที่เป็นแบบฝึกหัดและกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่ใช่งานส่วนตัว”
และไม่ต้องแปลกใจ “ครูก็เช่นกัน”
มุมมองใหม่ของการเรียนรู้แบบมืออาชีพอยู่บนพื้นฐานความคิดเหล่านี้
-สนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งตามลักษณะเฉพาะและรูปแบบของครูแต่ละคนที่ต้องการ
-ถามครูแต่ละคนว่า
“อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ”
“อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการเติบโตอย่างมืออาชีพ”
-ให้ความเข้าใจครูแต่ละคนในเรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนางานของพวกเขาและให้โอกาสครูในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้หรือทุน
เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของพวกเขาแต่ละคน
-พบปะครูแต่ละคนพูดคุยในสิ่งที่เขาสนใจและช่วยกำหนดเป้าหมายในสิ่งที่เขาต้องการจะไปถึงพร้อมทั้ง
สนับสนุนให้เขาได้พบกับความสำเร็จ
-สนับสนุนให้ครูเรียนรู้และใช้เครื่องมือในการเรียนรู้ด้วยตัวของพวกเขาเอง
-ตระเตรียมสิ่งที่พวกเขาต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้และสามารถทำร่วมกันกับสิ่งที่ครูต้องการเรียนรู้และปฏิบัติได้
การเรียนรู้ที่เป็นของพวกเขาโดยแท้จริง
ครูต้องเรียนรู้และสร้างประสบการณ์บางสิ่งที่พวกเขาพบว่ามีคุณค่าและบางสิ่งที่พวกเขาสามารถประยุกต์ใช้ในงานที่พวกเขาทำอยู่
เราจะทำอย่างไรให้ครูได้ทำอย่างตั้งใจกับนักเรียนที่พวกเขาสอนและเนื้อหาที่หวังว่านักเรียนจะได้เรียน
ให้ความร่วมมือกับโรงเรียนและผู้บริหารในท้องถิ่นด้วย
ในการเป็นเจ้าของการเรียนรู้ตามแนวทางนี้
เราเชื่อว่า การให้ครูมีสิทธิมีเสียงแสดงความคิดเห็นและเป็นผู้มีสิทธิเลือกทำคือ
กุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
การมอบอำนาจให้ครูได้ออกแบบการเรียนรู้ของพวกเขา
เป็นการเริ่มต้นยอมรับการเรียนรู้แบบมืออาชีพที่แตกต่างจากประเพณีดั้งเดิม เป็นการแย้งกับการสอนแบบที่นับเวลาเป็นชั่วโมง
การเปลี่ยนวัฒนธรรมและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเป็นการยอมรับความเป็นเจ้าของของการเรียนรู้อย่างมีอิสระ
ในโรงเรียนที่มีคนทำงานและมีการพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งในสังคมออนไลน์หรือในสถานบันการศึกษาก็ดี
ไม่ได้ใช้การนับเวลามาเป็นเกณฑ์ในการเรียนรู้ นักการศึกษาเชิญชวนให้ใช้ความเป็นเจ้าของของการเรียนรู้มาเป็นเกณฑ์
เมื่อมีการพูดคุยเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบมืออาชีพ
จะไม่ให้ความสำคัญอยู่กับการนับชั่วโมงเรียนแต่ให้ความสำคัญอยู่ที่ผลลัพธ์การเรียนรู้ของแต่ละคน
ซึ่งวิธีการแบบเดิมจะสร้างแรงจูงใจให้กับครูได้เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อมอบอำนาจและสนับสนุนให้ครูออกแบบการเรียนรู้ที่ตนเองเป็นเจ้าของ
แล้วความเป็นส่วนตัวและการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมจะสามารถปรากฏขึ้นได้
ทำนองเดียวกันทำอย่างไรระบบ GPS
จะคำนวณและทำนายเส้นทางไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้
สิ่งที่ต้องทำอย่างยิ่งก็คือ เส้นทางการเรียนรู้แบบมืออาชีพของพวกเรา (Roadmap for
professional learning) เหมือนกับการเดินทางทุกครั้ง เราต้องใช้เวลา
และนึกถึงอุปสรรคที่ต้องนำมาพิจารณา วิธีการใหม่ต้องการได้เห็นการวางแผน ในอันที่จะทำให้เกิดสัมฤทธิ์ผลในจุดหมายปลายทาง
ในทุก ๆ การเดินทาง จุดเริ่มต้นของทุก ๆ คน
คือเวลาที่ต้องใช้ในการสัญจรไปสู่จุดหมายนั้น
…………………………………………………………………………
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น