วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เค้าโครงการวิจัย เรื่อง ผลการเรียนแบบ VARK MODEL ในวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนบำรุงวิทยา อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์



                               ครูสุภนิช สุดรัมย์ รายงาน

              1. ชื่อเรื่อง ผลการเรียนแบบ VARK MODEL ในวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/4

                2. ผู้วิจัย นางสาวสุภนิช สุดรัมย์

                3. สภาพการปฏิบัติงานและปัญหาการวิจัย
               วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นวิชาพื้นฐานในการเรียนระดับสูงต่อไปและการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งผู้เรียนวิชานี้ต้องมีความรู้ความเข้าใจ และมีทักษะการปฏิบัติที่ดี แต่จากการสำรวจปัญหาที่ผ่านมาพบว่า นักเรียนที่เรียนวิชานี้กลับมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ ซึ่งน่าจะมีสาเหตุจากการเรียนการสอนที่เน้นการบรรยาย ซึ่งไม่สอดคล้องกับประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียนที่แต่ละคนมีความแตกต่างกัน (Learning Differences) จากปัญหาและสาเหตุที่กล่าวมา ครูผู้สอนจึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงแก้ไขการเรียนการสอนใหม่โดยเน้นการเรียนแบบ VARK MODEL  เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

                4.คำถามการวิจัย
                การใช้การเรียนแบบกลุ่มปฏิบัติ หรือการเรียนแบบ VARK MODEL ส่งผลต่อความพึงพอใจและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหรือไม่ อย่างไร


                5.วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาผลการใช้การเรียนแบบกลุ่ม หรือการเรียนแบบ VARK MODEL ที่มีต่อความพึงพอใจและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/4

6.ประโยชน์ที่จะได้รับ
                       1) นักเรียนมีความพึงพอใจและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์สูงขึ้น
                       2) ครูได้รูปแบบการสอนที่มีประสิทธิภาพ

                7.วิธีดำเนินการวิจัย
                   การวางแผน
        1) เป้าหมาย ทดลองใช้การเรียนแบบ VARK MODEL เป็นเวลา ….. ครั้ง
        2) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/4 ที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ จำนวน 41 คน
        3) กิจกรรม/การปฏิบัติ
3.1 วิเคราะห์เนื้อหาและออกแบบกิจกรรมตามรูปแบบ VARK MODEL
3.2 เขียนแผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ แผน (ยุทธวิธีการเรียนรู้แบบ VARK MODEL, บูรณา
การภาษาอังกฤษและบูรณาการ ICT)
3.2 ประชุมร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมของแผนการสอนทั้ง 1 แผน

                     การปฏิบัติ ลงมือสอนตามแผนที่กำหนดไว้ในเดือนมกราคม 2557


                     สังเกตการสอน
                                 1. เครื่องมือวิจัย ได้แก่
                                    1.1 แบบสอบถามความพึงพอใจในการเรียน
                                    1.2 แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ แบบเลือกตอบจำนวน 20 ข้อ
                                 2. การรวบรวมข้อมูล
                                    รวบรวมข้อมูลหลังจากมีการสอนเรียบร้อยแล้ว
                                3.การวิเคราะห์ข้อมูล

                                   3.1 แบบสอบถาม วิเคราะห์โดยหาความถี่และร้อยละ
                                  3.2 แบบทดสอบ วิเคราะห์โดยหาค่าเฉลี่ยและร้อยละ

                    สะท้อนผลการสอน ประชุมคณะกรรมการสังเกตการสอนเพื่อสะท้อนผลการสอนให้คำแนะนำ เพื่อนำไปปรับปรุงการสอน

                   ปรับปรุงแผนการสอน นำผลการสะท้อนผลการสอนไปปรับปรุงแผนการสอนเพื่อใช้สอนในคาบอื่น ๆ ต่อไป

รายงานการวิจัยชั้นเรียน ผลการพัฒนานักเรียนที่มีปัญหาการอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ โดยใช้แบบฝึกการอ่านและเขียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนบำรุงวิทยา อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์






                                                                                                     ครูสุทาวดี  พลงิ้ว   รายงาน

1. ชื่อเรื่อง ผลการพัฒนานักเรียนที่มีปัญหาการอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ โดยใช้แบบฝึกการอ่านและเขียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557

2.    ผู้วิจัย นางสาวสุทาวดี พลงิ้ว

3. สภาพการปฏิบัติงานและปัญหาการวิจัย

                      การดำเนินการโครงการพัฒนานักเรียนที่มีปัญหาการอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้ ปีการศึกษา 2547 จัดทำขึ้นเพื่อให้โรงเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนานักเรียนที่มีปัญหาการอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้ของโรงเรียนบำรุงวิทยา อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์  ปีการศึกษา 2547  โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะขจัดปัญหานักเรียนที่อ่านหนังสือไม่ออกโดยเฉพาะนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่  6 จะต้องอ่านหนังสือออกและเขียนได้  100 ภายในเดือนกุมภาพันธ์  พุทธศักราช 2558 ก่อนที่จะให้จบการศึกษา
   จากการสำรวจผลการเรียนของนักเรียนที่ผ่านมา พบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ ซึ่งน่าจะมีสาเหตุหนึ่งมาจากการอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ของนักเรียน โรงเรียนจึงได้ทำการสำรวจคัดกรองนักเรียนที่อ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 ซึ่งพบว่า โดยรวมนักเรียนอ่านไม่ออกร้อยละ 43.11 ส่วนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3  จำนวนนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ก่อนเข้าร่วมโครงการมีดังนี้ ระดับ 1  จำนวน  คนคิดเป็นร้อยละ 14.28 ระดับ 2 จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 71.42 และระดับ 3 จำนวน 2 คนคิดเป็นร้อยละ 14.28 ตามลำดับ จากปัญหาและสาเหตุดังกล่าว โรงเรียนจึงได้จัดทำโครงการพัฒนานักเรียนที่มีปัญหาการอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้ขึ้น โดยใช้แบบฝึกการอ่านและเขียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา บุรีรัมย์ เขต 1

4.คำถามการวิจัย

                     การใช้แบบฝึกการอ่านและเขียนส่งผลต่อการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนหรือไม่ อย่างไร


5. วัตถุประสงค์

                   เพื่อศึกษาผลการใช้แบบฝึกการอ่านและเขียนที่มีต่อการพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนโรงเรียนบำรุงวิทยา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557

6. ประโยชน์ที่จะได้รับ

                                1)  นักเรียนอ่านได้ร้อยละ 71% ขึ้นไป 
                                2)  ครูได้แบบฝึกการอ่านและการเขียนที่มีประสิทธิภาพ


7. วิธีดำเนินการวิจัย

    การวางแผน
   1) เป้าหมาย ทดลองใช้แบบฝึกการอ่านและเขียนเป็นเวลา 1 ภาคเรียน
   2) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนบำรุงวิทยาจำนวน 41 คน
  3) กิจกรรม/การปฏิบัติ

                   การจัดหาสื่อ/นวัตกรรม  มาใช้พัฒนานักเรียนแต่ละกลุ่มที่คัดแยกตามระดับสภาพปัญหาการอ่านของนักเรียนนั้น  โรงเรียนบำรุงวิทยาเปิดโอกาสครูและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถผลิตสื่อ/นวัตกรรมมาใช้พัฒนานักเรียนแต่ละกลุ่มได้อย่างหลากหลาย  และได้จัดทำสื่อ/นวัตกรรมพัฒนานักเรียนที่อ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้ไว้ สำหรับครูที่ไม่ได้จัดทำสื่อ/นวัตกรรมดังกล่าว ก็สามารถนำไปใช้สอนหรือพัฒนานักเรียนกลุ่มเป้าหมายของโรงเรียนได้ 
               
                โรงเรียนบำรุงวิทยาได้จัดทำสื่อ/นวัตกรรมสำหรับพัฒนานักเรียนที่มีปัญหาการอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้  ตามระดับสภาพปัญหาการอ่านของนักเรียนโดยยึดหลักการสอนจากง่ายไปหายาก  5 ขั้นตอน คือ

                                ขั้นตอนที่ อ่านเขียนพยัญชนะและสระให้ถูก
                                ขั้นตอนที่  นำพยัญชนะและสระมาผูกให้เป็นคำ
                                ขั้นตอนที่  สอนการสะกดคำและแจกลูก
                                ขั้นตอนที่  สอนการผันเสียงให้ถูกตามวรรณยุกต์
                                ขั้นตอนที่  เรียนให้สนุกด้วยคำยากช่วยเสริม

            จากกระบวนการเรียนรู้ดังกล่าว  ได้นำมาจัดทำเป็นชุดการสอน สำหรับใช้สอนนักเรียนที่มีปัญหาการอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้  ชุด คือ

1.  ชุดแบบฝึกการอ่านและสะกดคำพื้นฐาน  ประกอบด้วย แบบฝึกการอ่านและเขียนสะกดคำพื้นฐาน
แบบฝึกหัดการอ่านและเขียนสะกดคำพื้นฐาน  และแผนการสอนโดยใช้แบบฝึกการอ่านและเขียนสะกดคำพื้นฐาน มีขั้นตอนการสอน ดังนี้

                       ขั้นที่ 1   ทบทวนการอ่านพยัญชนะ สระ การแบ่งพยัญชนะไทยออกเป็น 3 หมู่ คือ อักษรกลาง  อักษรสูง และอักษรต่ำ เพื่อให้นักเรียนจดจำให้ได้ก่อนนำไปสู่การสอนอ่านประสมคำ  การอ่านสะกดคำ และการผันวรรณยุกต์

                     ขั้นที่ 2  สอนให้นักเรียนรู้จักอ่านประสมคำ ระหว่างพยัญชนะไทย  44 ตัว  และสระไทย 32 เสียง

                      ขั้นที่ 3  สอนให้นักเรียนอ่านสะกดคำพื้นฐาน ที่สะกดคำตรงตามมาตราตัวสะกดของไทย คือ แม่กก แม่กง แม่กด แม่กบ  แม่กน แม่กม แม่เกย และ แม่เกอว

2.  ชุดแบบฝึกการอ่านและผันวรรณยุกต์  ประกอบด้วย แบบฝึกการอ่านและผันวรรณยุกต์อักษรกลาง 
แบบฝึกการอ่านและผันวรรณยุกต์อักษรสูง  และแบบฝึกการอ่านและผันวรรณยุกต์อักษรต่ำ

3.  ชุดแบบฝึกการอ่านและเขียนคำยาก ประกอบด้วย การอ่านและเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามตัวสะกด
การอ่านและเขียนคำที่ไม่ประวิสรรชนีย์ การอ่านและเขียนคำที่มีตัวการันต์ การอ่านและเขียนคำที่มีอักษรนำ การอ่านและเขียนคำควบกล้ำ  ฯลฯ
                                                                                                       
การปฏิบัติ ลงมือสอนตามแนวทางการพัฒนาที่กำหนดไว้ในเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2557


สังเกตการสอน
        1. เครื่องมือวิจัย ได้แก่
          1.1 แบบสอบถามคุณภาพการปฏิบัติงานโครงการนักเรียนอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้1.2 แบบทดสอบ สำหรับคัดแยกนักเรียนออกเป็นกลุ่มตามระดับสภาพปัญหาการอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้                                                       
        1.2 แบบฝึกหัดการอ่านและสะกดคำพื้นฐาน แบบฝึกหัดการอ่านและผันวรรณยุกต์ แบบฝึกหัดการอ่านและเขียนคำยาก
        2. การรวบรวมข้อมูล
          รวบรวมข้อมูลหลังจากมีการสอนเรียบร้อยแล้ว
        3. การวิเคราะห์ข้อมูล
          3.1 แบบสอบถาม วิเคราะห์โดยหาค่าร้อยละ
          3.2 แบบทดสอบ วิเคราะห์โดยหาค่าร้อยละ
          3.3 แบบฝึกหัด วิเคราะห์โดยหาค่าร้อยละ

ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
1.  ข้อมูลนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 ที่อ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ก่อนเข้าร่วมโครงการ

                 ตาราง 1  แสดงข้อมูลนักเรียนที่อ่านไม่ออกก่อนเข้าร่วมโครงการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3โรงเรียนบำรุงวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557      

สรุปข้อมูลนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้  ก่อนเข้าร่วมโครงการ
ที่
ชื่อ-สกุล
สภาพปัญหา
หมายเหตุ

ระดับ 1
ระดับ 2
ระดับ 3
1
เด็กชายภูวเดช               ปัจฉิมชาติ
 
  


2
เด็กชายวัชรพงศ์             ใยไธสง



3
เด็กชายอนุชา                  สีม่วง 

 

4
เด็กชายอนุศักดิ์               สีมาคูณ



5
เด็กชายอริย์ธัช                สอรัมย์



6
เด็กชายอลงกรณ์             พาชื่นใจ
 

7
เด็กหญิงศรินยา               ป้ายไธสง

 

8
เด็กหญิงศิริประภา          ชูประสนธิ์
 


9
เด็กหญิงอินทิราพร         สีดางาม

 

10
เด็กชายศุภกฤต               เกรยรัมย์

 

11
เด็กชายวชิรวิทย์              ชาญศิล



12
เด็กชายปรมินทร์             พยัคฆะ

 

13
เด็กชายณัฐวุฒิ                 เกรียรัมย์



14
เด็กชายณัฐกร                  เกษใส



รวม
2
10
2

ร้อยละ
14.28
71.42
14.28


                  จากตาราง 1 จำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาการอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนบำรุงวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 พบว่า นักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ก่อนเข้าร่วมโครงการมีดังนี้ ระดับ 1  จำนวน  คนคิดเป็นร้อยละ 14.28  ระดับ 2 จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 71.42 และระดับ 3 จำนวน 2 คนคิดเป็นร้อยละ 14.28 ตามลำดับ



               ตาราง 2 แสดงคุณภาพการปฏิบัติงานโครงการนักเรียนอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ ครั้งที่ 1



ที่


ชื่อ-สกุล
ระดับความสำเร็จการเรียนการสอน ครั้งที่ 1

หมายเหตุ
ไม่ประสบผลสำเร็จ
ประสบผลสำเร็จน้อย
ประสบผล
สำเร็จ
ปานกลาง
ประสบผล
สำเร็จมาก
1
เด็กชายภูวเดช              ปัจฉิมชาติ


2
เด็กชายวัชรพงศ์             ใยไธสง
       



3
เด็กชายอนุชา                  สีม่วง 
       



4
เด็กชายอนุศักดิ์               สีมาคูณ




5
เด็กชายอริย์ธัช                สอรัมย์




6
เด็กชายอลงกรณ์             พาชื่นใจ




7
เด็กหญิงศรินยา             ป้ายไธสง




8
เด็กหญิงศิริประภา       ชูประสนธิ์




9
เด็กหญิงอินทิราพร         สีดางาม




10
เด็กชายศุภกฤต               เกรยรัมย์




11
เด็กชายวชิรวิทย์              ชาญศิล




12
เด็กชายปรมินทร์             พยัคฆะ




13
เด็กชายณัฐวุฒิ               เกรียรัมย์




14
เด็กชายณัฐกร                  เกษใส




รวม
2
9
2
1

ร้อยละ
14.28
64.28
14.28
7.14

        
             จากตาราง 2 คุณภาพการปฏิบัติงานโครงการนักเรียนอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ ครั้งที่ 1 พบว่ามีนักเรียนที่ไม่ประสบผลสำเร็จ จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 14.28 นักเรียนที่ประสบผลสำเร็จน้อย จำนวน 9 คน คิดเป็น    ร้อยละ 64.28  นักเรียนที่ประสบผลสำเร็จปานกลาง จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 14.28  และนักเรียนที่ประสบผลสำเร็จมาก  จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ 7.14



               ตาราง 3 แสดงคุณภาพการปฏิบัติงานโครงการนักเรียนอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ ครั้งที่ 2



ที่


ชื่อ-สกุล
ระดับความสำเร็จการเรียนการสอน ครั้งที่ 2

หมายเหตุ
ไม่ประสบผลสำเร็จ
ประสบผลสำเร็จน้อย
ประสบผล
สำเร็จ
ปานกลาง
ประสบผล
สำเร็จมาก
1
เด็กชายภูวเดช              ปัจฉิมชาติ
2
เด็กชายวัชรพงศ์             ใยไธสง




3
เด็กชายอนุชา                  สีม่วง 




4
เด็กชายอนุศักดิ์               สีมาคูณ




5
เด็กชายอริย์ธัช                สอรัมย์




6
เด็กชายอลงกรณ์             พาชื่นใจ




7
เด็กหญิงศรินยา             ป้ายไธสง




8
เด็กหญิงศิริประภา       ชูประสนธิ์




9
เด็กหญิงอินทิราพร         สีดางาม




10
เด็กชายศุภกฤต               เกรยรัมย์




11
เด็กชายวชิรวิทย์              ชาญศิล




12
เด็กชายปรมินทร์             พยัคฆะ




13
เด็กชายณัฐวุฒิ                เกรียรัมย์




14
เด็กชายณัฐกร                  เกษใส




รวม
2
1
8
3

ร้อยละ
14.28
7.14
57.14
21.42

  
                จากตาราง 3 คุณภาพการปฏิบัติงานโครงการนักเรียนอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ ครั้งที่ 2 พบว่ามีนักเรียนที่ไม่ประสบผลสำเร็จ จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 14.28 นักเรียนที่ประสบผลสำเร็จน้อย จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 7.14 นักเรียนที่ประสบผลสำเร็จปานกลาง จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 57.14 และนักเรียนที่ประสบผลสำเร็จมาก  จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ 21.42


          
            ตาราง 4  แสดงการเปรียบเทียบนักเรียนที่อ่านไม่ออกก่อนเข้าร่วมโครงการและหลังเข้าร่วมโครงการชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557

สรุปข้อมูลนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ก่อนเข้าร่วมโครงการและหลังเข้าโครงการ
ที่

ชื่อ-สกุล
ก่อนเข้าร่วมโครงการ
(อ่านไม่ออก)
หลังเข้าร่วมโครงการ
(อ่านไม่ออก)
หมายเหตุ
1
เด็กชายภูวเดช               ปัจฉิมชาติ
2
เด็กชายวัชรพงศ์             ใยไธสง


3
เด็กชายอนุชา                  สีม่วง 


4
เด็กชายอนุศักดิ์               สีมาคูณ


5
เด็กชายอริย์ธัช                สอรัมย์


6
เด็กชายอลงกรณ์             พาชื่นใจ


7
เด็กหญิงศรินยา               ป้ายไธสง


8
เด็กหญิงศิริประภา          ชูประสนธิ์


9
เด็กหญิงอินทิราพร         สีดางาม


10
เด็กชายศุภกฤต               เกรยรัมย์


11
เด็กชายวชิรวิทย์              ชาญศิล


12
เด็กชายปรมินทร์             พยัคฆะ


13
เด็กชายณัฐวุฒิ                 เกรียรัมย์


14
เด็กชายณัฐกร                  เกษใส

รวม
14
2

ร้อยละ
100
14.28


                จากตาราง 4  ผลการเปรียบเทียบจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาการอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้    ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 พบว่า ในจำนวนนักเรียน 41 คน มีนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ก่อนเข้าร่วมโครงการมีจำนวน 14 คนคิดเป็นร้อยละ 100 หลังเข้าร่วมโครงการ จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ  14.28   ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่ามีนักเรียนที่อ่านออกเขียนได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 12 คนคิดเป็นร้อยละ 85.71

2. สัมฤทธิ์ผลของโครงการ
                โดยรวมนักเรียนอ่านออกเขียนได้มากกว่าร้อยละ 71 ส่วนนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้หลังการพัฒนามีนักเรียนอ่านออกเขียนได้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 85.71

สรุปผล
                นักเรียนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาการอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ประสบผลสำเร็จมากจากการใช้แบบฝึกการอ่านและเขียน โดยนักเรียนสามารถอ่านออกเขียนได้มากขึ้น ร้อยละ 85.71โดยในภาพรวมนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 อ่านออกเขียนได้เกินกว่าร้อยละ 71 ยังเหลือนักเรียนที่ยังต้องพัฒนาการอ่านออกเขียนไม่ได้อีกจำนวน คน คิดเป็นร้อยละ 14.28   ซึ่งจะดำเนินการพัฒนาให้อ่านออกเขียนได้ครบร้อยละ 100 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557

สะท้อนผล
นักเรียนยังจำ ก ฮ และสระ ไม่ได้ ทำให้เรียนรู้ได้ช้า
นักเรียนแยกไตรยางศ์ หรืออักษร 3 หมู่ยังไม่ได้
เมื่อนักเรียนอ่านสะกดคำ มักจะออกเสียงตัวสะกดผิด
เด็กมีสมาธิสั้น
เด็กพิเศษ

ข้อเสนอแนะ
ควรปรับปรุงรูปแบบของแบบฝึกหัด เป็นรูปเล่มที่มีความคงทนถาวร