สุริยา เผือกพันธ์ : เขียน
ไล่หมาให้แน !!!!!
เสียงประกาศตามสายจากวิไล สุดสายเนตรผู้ใหญ่บ้านยางหมู่
2
ดังก้องไปทั้งหมู่บ้าน
หลังการแนะนำตัวและแจ้งวัตถุประสงค์ของการลงพื้นที่จากนักเรียนและครูโรงเรียนมีชัยพัฒนา
จำนวน 23
คนในเช้าวันที่ 25 สิงหาคม 2558 สิ้นสุดลง
“มื้อนี้
คณะนักเรียนโรงเรียนมีชัยจะมาศึกษาหมู่บ้าน เก็บข้อมูลในหมู่บ้านของเรา
จึงขอแจ้งให้พี่น้องทั้งหลายทราบ เห็นนักเรียนเดินไปทางไหนก็ไล่หมาให้แน (ให้ด้วย)”
“ผู้ใหญ่วิไล
สุดสายเนตร กำลังพูดคุยและแนะนำแหล่งข้อมูลในหมู่บ้าน”
ผู้ใหญ่วิไล สุดสายเนตรให้การต้อนรับคณะนักเรียนและครูโรงเรียนมีชัยพัฒนาที่เรียนในรายวิชานักพัฒนาสังคมด้วยท่าทางกระตือรือร้น
การศึกษาชุมชนเป็นกิจกรรมหนึ่งของรายวิชาดังกล่าว และในวันนี้ยึดเอาบ้านยางหมู่ที่
2
ตำบลบ้านยาง อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์เป็นพื้นที่ศึกษาเรียนรู้
แนวคิดในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแนวทางนี้
เรียกว่าเป็นการสอนเพื่อการปฏิรูปสังคม (Social Reform)
คือ การมองหาสังคมที่ดีกว่า (Seeking a Better Society) เป็นแนวคิดของแดน
แพร็ตต์ (Dan Pratt, 1998)
ที่ได้ศึกษาการสอนของครูที่สอนผู้ใหญ่จำนวน 253 คนใน 5
ประเทศ พบว่า มีการใช้วิธีการสอนต่าง ๆ กัน เพื่อให้ได้คุณภาพที่แตกต่างกัน
ซึ่งสรุปได้ 5 แนวทางกล่าวคือ
การถ่ายทอดจะได้ผลดีเมื่อต้องการเน้นเนื้อหาสาระ (Effective Delivery of Content) วิธีนี้เรียกอีกอย่างว่า Objectivist approach การฝึกงานเป็นการสอนเพื่อต้องการให้คนทำเป็น
(Modeling ways of Being)
เรียนรู้ด้วยการกระทำภายใต้คำแนะนำของผู้รู้ การสอนคนให้พัฒนาตน (Cultivating
ways of Thinking) ใช้การสอนแบบสรรค์สร้างนิยม การสร้างตนด้วยตนเอง
(Facilitating Self – Efficacy)
ใช้การเรียนรู้ในโลกออนไลน์และการมองหาสังคมที่ดีกว่าใช้การสอนเพื่อการปฏิรูปสังคม
“คณะครูโรงเรียนมีชัยพัฒนาในฐานะครูนักปฏิรูปสังคม”
บรรดาครูทั้งหลายที่สอนโดยใช้แนวคิดปฏิรูปสังคมเพื่อสังคมที่ดีกว่า
เชื่อว่าที่สุดแล้วการสอนของพวกเขาจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมเป็นคำตอบสุดท้าย สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนเชื่อว่า
การใช้โรงเรียนเป็นฐานในการพัฒนาชนบท (S-BIRD)
แล้วสร้างหลักสูตรเพื่อใช้เรียนใช้สอนให้มีลักษณะเฉพาะผ่านรายวิชาธุรกิจเพื่อสังคมและรายวิชานักพัฒนาสังคม
อยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า ผลลัพธ์สุดท้ายจะทำให้ความยากจนของคนในชนบทลดลงได้ เอกลักษณ์การสอนของครูเหล่านี้นำไปสู่การสร้างมุมมองและประโยชน์ที่มองเห็นได้ในระยะยาว
ในขณะเดียวกัน อาจนำไปสู่การสร้างวิสัยทัศน์ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย
ครูที่เป็นนักปฏิรูปสังคมไม่ได้สอนให้ผู้เรียนเห็นวิธีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเพียงมิติเดียว
แต่จะทำให้ผู้เรียนมองเห็นวิธีการที่หลากหลาย ซึ่งโดยทั่วไปปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประโยชน์ที่สังคมนั้น
ๆ ต้องการเป็นการเฉพาะ และเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจให้พวกเขาได้กระทำการต่าง
ๆ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดีกว่า
ดังนั้น จึงเห็นได้ว่า
ถ้าถือเอาความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของความรู้ (Epistemology) มาพิจารณาเพื่อให้เห็นทฤษฎีการสอนแล้ว การเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ไม่ได้เริมต้นจากทฤษฎี
กลับเป็นการลงไปแสวงหาวิธีการด้วยตนเองของผู้เรียน เพราะครูนักปฏิรูปสังคมจะรู้เองว่า
ทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสังคมในสถานการณ์ที่เป็นจริงนั้น
“นักเรียนนำข้อค้นพบจากการลงพื้นที่มาแลกเปลี่ยนกันเพื่อสร้างองค์ความรู้แบบแฝงภายในตน
(Tacit
Knowledge)
โรงเรียนมีชัยพัฒนา อำเภอลำปลายมาศ
จังหวัดบุรีรัมย์เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนในรายวิชาธุรกิจเพื่อสังคมและรายวิชานักพัฒนาสังคม
โดยหวังว่าจะเป็นพื้นฐานในการเป็นผู้ประกอบการสังคมในอนาคตด้วยการฝึกทักษะการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม
การประกอบสัมมาชีพ การสร้างรายได้ที่เกื้อกูลต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและโลก นอกจากนี้
ยังเรียนรู้การสร้างสรรค์และการพัฒนาสังคมด้วย
การลงพื้นที่ศึกษาชุมชนเป็นการเรียนรู้ผ่านศิลปะและประสบการณ์ตรง
(Artistic
and Experiential Learning) คือ
การเรียนรู้ที่ผู้เรียนนำตนเองเข้าสู่การลงมือสร้างสรรค์งานเชิงศิลปะหรือการปฏิบัติกิจต่าง
ๆ ในสถานการณ์จริง พร้อมทั้งสามารถสะท้อนประสบการณ์การเรียนรู้ของตนเอง
เพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะด้านใหม่ ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ
วิธีคิดและการมองโลกในแง่มุมที่แตกต่างไปจากเดิม วิธีการเรียนรู้เช่นนี้
จะเอื้อให้ผู้เรียนตระหนักต่อความรู้ที่แฝงอยู่ภายในตน (Tacit Knowledge) และสามารถระบุ นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อโจทย์หรือสถานการณ์ต่าง ๆ
ได้อย่างเหมาะสม (สถาบันอาศรมศิลป์ : 2555)
“เฮ็ดพอได้ซื้อยากิน...เฮ็ดอย่างอื่นไม่มีแรงแล้ว
ได้นั่งทำอันนี้ (สานกระแตง) ก็พอทำได้อยู่”
พ่อใหญ่โฮม ตาชูชาติ วัย 80 บอกเหตุผลในสิ่งที่พ่อใหญ่ทำอยู่
“สองสามมื้อจะได้อันหนึ่ง ราคาร้อยห้าสิบ
เดี๋ยวนี้ไม่มีใครทำแล้ว พ่อทำมาตั้งแต่อยู่ชั้น ป. 4”
พ่อใหญ่เล่าความหลัง
“เค้าไปหาที่ตลาดกันหมด” พ่อใหญ่สรุป
“พ่อใหญ่โฮม ตาชูชาติ วัย 80 ผู้สืบทอดมรดกของชุมชน”
“วันนี้ออกไปเก็บข้อมูลปัญหาของชุมชน
ทำให้รู้ว่าส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องภัยแล้ง” ณัฐริกา งามนวล” นักเรียนชั้นม. 4 หนึ่งในหลายคนที่ออกมาเรียนรู้ชุมชน
“รู้สึกดีใจ ไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อน
เย็นนี้จะไปช่วยยายเลี้ยงหม่อนไหม และเมื่อเช้านี้ยังได้ช่วยทำความสะอาดวัดอีกด้วย”
เธอกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ณัฐริกา งามนวล”
นักเรียนชั้นม. 4 “
บางบทตอน ของข้อสรุปหลักสูตรสถาบันอาศรมศิลป์ระบุว่า
ถ้าระบบการศึกษาสามารถสร้างคนให้เป็นผู้ประกอบการ เป็นเจ้าของกิจการ เป็นผู้คิด
ริเริ่ม พัฒนา
ต่อยอดผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาและทุนทางสังคมในท้องถิ่นหรือการพัฒนาระบบกสิกรรมธรรมชาติจากเรือกสวนไร่นา
ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ เลี้ยงดูครอบครัวได้ หากผู้เรียนสามารถทำได้เช่นนี้
ย่อมมีค่ากว่าคะแนนในแต่ละรายวิชาและปริญญาบัตร ซึ่งสุดท้ายเมื่อจบการศึกษาแล้ว
ไม่รู้จะเอาปริญญาบัตรไปทำอะไร
แต่ถ้าพวกเขาสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในเศรษฐกิจพอเพียง มีรายได้ มีความพออยู่พอกิน
พึ่งตนเองได้ นี้จะเป็นสิ่งที่ประเสริฐกว่าใบปริญญาเป็นไหน ๆ
ไล่หมาให้แน !!!!!
เสียงประกาศตามสายจากวิไล
สุดสายเนตรผู้ใหญ่บ้านยางหมู่ 2 ดังก้องไปทั้งหมู่บ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น