วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โรงเรียนชายขอบ : ยิ่งสายยิ่งหิว


                                                                                                                  สุริยา เผือกพันธ์ : เขียน


                เครื่องยนต์กระหึ่มดังตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง กระตุ๊กล้อให้ขับเคลื่อนไปยังจุดนัดหมาย

                หกโมงเช้าที่ 17 สิงหาคม 2558 พบกันที่ สพป.บร 3 นางรอง ศน. (นาง) ภัครพร เรือโป๊ะ ไลน์บอกทุกคน
                แต่ที่นี่เป็นเพียงการนัดหมายกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีต้นทางอยู่ที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ การรวมพลใหญ่อยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. โนนดินแดง ที่นั่น 7 นาฬิกาทุกคนต้องพร้อม
                พวกเรารวมกันได้เป็นกลุ่มใหญ่ กว่าร้อยชีวิต ประกอบด้วยครู นักเรียนและผู้บริหารจากโรงเรียนต่าง ๆ ในเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 3 ที่นำทีมโดย ผอ.คำปุ่น บุญเชิญ ผู้อำนายการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 3


           “ผอ.คำปุ่น บุญเชิญ ผู้อำนายการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา บุรีรัมย์เขต 3

                เมื่อทุกคนพร้อมขบวนรถยนต์ได้เคลื่อนตัวมุ่งสู่ จุดผ่อนปรนบ้านตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว พวกเรามีเป้าหมายข้ามแดนไทย-กัมพูชา สู่โรงเรียนทมอโรมิล (Thmor Romeal School )อำเภอทมอพวก จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เพื่อร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนชายขอบไทย-กัมพูชา โดยสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต ๓ ๑๗  กรกฎาคม  ๒๕๕๘  จำนวน 5 โรงเรียน ประกอบด้วยโรงเรียนในประเทศไทยคือ โรงเรียนอนุบาลโนนดินแดง โรงเรียนบ้านผไทรวมพล โรงเรียนบ้านราดรักแดน โรงเรียนบ้านแท่นทับไทยและโรงเรียนบ้าน   บาระแนะ โดยมีโรงเรียนคู่ขนานในกัมพูชาประกอบด้วย โรงเรียนทมอโรมิล (Thmor Romeal School )โรงเรียนปราสาทตะแบง (Prasat Tabang School) และโรงเรียนดงแรก (Dongrek School) ทั้งหมดอยู่ในอำเภอทมอพวก จังหวัดบันเตียเมียนเจย



                   “ภัครพร เรือโป๊ะ (นาง) ศึกษานิเทศ สพป.บุรีรัมย์เขต 3 ผู้ประสานงานโครงการ”

                จังหวัดบันเตียเมียนเจย เรียกเป็นภาษาไทยว่า จังหวัดบ้านมีชัยหรือบันทายมีชัย มีเมืองศรีโสภณ เป็นเมืองหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชา พื้นที่ติดกับจังหวัดสระแก้ว ประตูผ่านเข้าสู่บ้านมีชัยคือ ปอยเปต ที่มีทั้งนักท่องเที่ยวและนักเสี่ยงโชคเดินทางเข้าออกเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจดูคึกคัก เพราะมีการจับจ่ายใช้สอย มีการค้าขายแลกเปลี่ยน จนกลายเป็นตลาดชายแดนสำหรับที่คนไทยและคนต่างประเทศไปใช้บริการกันอึกทึก นอกจากนี้ยังมีรถโดยสาร รถประจำทาง และรถแท็กซี่ไว้บริการเป็นจำนวนมาก
                แต่การเดินทางของพวกเราครั้งนี้มุ่งหน้าสู่กัมพูชาโดยผ่าน จุดผ่อนปรนบ้านตาพระยา ที่ตั้งอยู่ที่ตำบลตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว ห่างจากด่านศุลกากรอรัญประเทศ ประมาณ 57 กิโลเมตร มีบ้านบึงตากวน อำเภอทมอพวก จังหวัดบันเตียเมียนเจยอยู่ตรงกันข้าม ที่นี่มีด่านศุลกากรบึงตากวน ดูแลคนเข้าออกข้ามแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น.


                             “บริเวณจุดผ่อนปรนบ้านตาพระยา สถานที่ลงนามข้อตกลง (MOU)”

                คณะของพวกเราถึงจุดผ่อนปรนตาพระยาเวลาประมาณ 10.00 น. ขบวนรถจอดต่อกันเป็นแถวยาวเหยียด เพื่อให้ตำรวจ ตชด. ได้ตรวจนับและตรวจสอบความปลอดภัย
                แต่การจอดครั้งนี้กินเวลายาวนานไปถึงเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่อนปรนยังไม่อนุญาตให้ข้ามแดนไปได้
                ในที่สุดคณะเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานได้กลับออกมาแจ้งข่าวว่า คณะของเราไม่สามารถข้ามไปทำกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดไว้ได้ แต่ได้เชิญผู้บริหารและครูโรงเรียนคู่ขนานในกัมพูชาข้ามแดนมายังฝั่งไทยเพื่อร่วมลงนาม โดยใช้สถานที่ของหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12
                อีกไม่นานแพรค วารินนายอำเภอทมอพวกและคณะก็เดินทางมาถึง ตามติดด้วยคณะของสเดิง ตงอึงรองหัวหน้าสำนักงานการศึกษาเยาวชนและกีฬา จังหวัดบันเตียเมียนเจยและท้ายสุดเป็นคณะผู้อำนวยการและครูจากโรงเรียนคู่ขนาน 5 โรงเรียนเดินทางมาเพิ่มจนครบจำนวน พิธีการจึงได้เริ่มขึ้น



“พิธีลงนามข้อตกลง (MOU) ระหว่างโรงเรียนคู่ขนานไทย-กัมพูชาที่หน่วยงานเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12.”

                “การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและในฐานะสมาชิกสมาคมอาเซียน ที่จะเปิดประเทศในปี 2015 นี้ มีความต้องการให้ลูกหลานตามแนวชายแดนได้เรียนรู้ภาษาด้วยกัน ในโรงเรียนในเขตพื้นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ที่มีพื้นที่บริการและรับผิดชอบอยู่ ประกอบด้วย ละหานทราย โนนดินแดงและปะคำ ต้องการให้นักเรียนในโรงเรียนเหล่านี้ พูดภาษาเขมรได้ จึงประสานให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาทำความตกลง MOU กัน” นายคำปุ่น บุญเชิญ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 3 กล่าวถึงวัตถุประสงค์ที่การทำความตกลงร่วมกัน
                “หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือของเราจะส่งเสริมการศึกษาของทั้ง 2 ประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป” นายคำปุ่น บุญเชิญ กล่าวทิ้งท้าย
                เรียนท่านคำปุ่น และคณะจากประเทศไทยทุกท่าน ความจริงแล้วประเทศไทยและกัมพูชาเคยมีความตกลงกันมาก่อนตั้งแต่วันที่ 11 – 12 กรกฎาคม 2012 ระหว่างจังหวัดบันเตียเมียนเจยและจังหวัดสระแก้ว จากนั้นก็มีความสัมพันธ์กันเรื่อยมา เป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องการศึกษา วัฒนธรรม เช่น ศิลปะการแสดงของทั้งสองประเทศ ลูกเสือ เนตรนารี จึงมีความสัมพันธ์กันอย่างดีทั้งเขต 1 และเขต 2 ระหว่างไทยกับกัมพูชา” สเดิง ตงอึง รองหัวหน้าสำนักงานการศึกษาเยาวชนและกีฬา จังหวัดบันเตียเมียน  เจย กล่าว

       

      “สเดิง ตงอึง รองหัวหน้าสำนักงานการศึกษาเยาวชนและกีฬา จังหวัดบันเตียเมียน  เจย”

                การศึกษาของบันเตียเมียนเจยเพิ่งแยกตัวมากจากพระตะบองเพียง 10 ปี เพราะฉะนั้นทางจังหวัดจะมีปัญหา เช่น อาคารเรียน ครูอาจารย์ เราไม่มีครูที่เป็นข้าราชการ มีแต่ครูอัตราจ้างเป็นส่วนมาก” สเดิง ตงอึงบอกเล่าถึงปัญหาของโรงเรียนในจังหวัดของเขา
                “วันนี้เป็นเรื่องที่โชคดีมาก ที่มีความสัมพันธ์กันทั้งสองประเทศ กับบุรีรัมย์ หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศจะเหนียวแน่นเป็นนิรันดร์ เพราะอยู่ติดกันอยู่แล้ว” สเดิง ตงอึงกล่าวย้ำความสัมพันธ์
                “วันนี้เป็นนิมิตรหมายอันดีระหว่าง 2 อำเภอ 2 จังหวัด 2 ประเทศ ที่จะได้สืบสานระหว่าง 2 ประเทศที่มีกันมายาวนาน ในโอกาสการรวมกันเป็น ASEAN นี้ จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่จะทำให้ความสัมพันธ์เราเหนียวแน่นยิ่งขึ้น หวังว่าหลังจากนี้ไป จะทำให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นในเรื่องของการศึกษา ในส่วนของพื้นที่ระหว่างอำเภอกับอำเภอได้มีการพบปะกันเป็นประจำอยู่แล้ว คิดว่าในอนาคตจะใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่บ้านบาระแนะ ที่ช่องบาระแนะ” นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ นายอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์กล่าวแสดงความรู้สึก



                             “นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ นายอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์”

                ยิ่งสายยิ่งหิว”  แพรค วาริน นายอำเภอทมอพวก ขึ้นต้นคำคม
                “มีความยินดีและภาคภูมิใจที่มาลงนามในวันนี้ ขออภัยที่ ผอ.บางโรงเรียนไม่ได้มา การลงนามนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ขอชื่นชมระบบการศึกษาของอำเภอละหานทรายที่มีความเจริญ ถ้าเทียบกับโรงเรียนชายแดนกัมพูชา จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากระบบการศึกษาขาดแคลน โดยเฉพาะครู อุปกรณ์การศึกษา ทำให้เราได้เห็นชัดว่าการศึกษาทั้ง  2 ประเทศมีความแตกต่างกันอย่างมาก เราเข้าอาเซียนแล้ว จึงต้องมีความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น นอกเหนือจากการไปมาหาสู่กันในการทำมาหากิน การค้าขาย ก็จะมีการเชื่อมกันทางด้านวัฒนธรรมและการศึกษา เช่น เดียวกันการป้องกันอาชญากรรมของทั้ง 2 ประเทศ การศึกษานี้สำคัญอย่างยิ่ง เราจะได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนภาษาของกันและกันมากยิ่งขึ้น หวังว่าอนาคตของเราจะแนบแน่น ขออวยพรให้มีอายุ วรรณะ สุข พละยิ่ง ๆ ขึ้นไป” แพรค วารินจบด้วยคำอวยพร



                                                           “แพรค วาริน นายอำเภอทมอพวก”

                หลังพิธีลงนามและการสัมผัสมือที่เป็นเครื่องหมายแสดงความยินดีและมีสัมพันธภาพไมตรีต่อกันจบลง ข้าวห่อได้ถูกนำมาทยอยแจกผู้คนในงานอันทรงคุณค่านี้  ความเป็นพี่น้องได้กระชับยิ่งขึ้นในวงข้าวอันเรียบง่าย เป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ในอ้อมกอดของภูผาและโขดหินของ หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 แห่งนั้น

                ยิ่งสายยิ่งหิว คำสำคัญของแพรก วารินยังก้องอยู่ในใจ

                

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น