สุริยา
เผือกพันธ์ : เขียน
เครื่องยนต์กระหึ่มดังตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
กระตุ๊กล้อให้ขับเคลื่อนไปยังจุดนัดหมาย
หกโมงเช้าที่ 17 สิงหาคม 2558 พบกันที่ สพป.บร 3 นางรอง ศน. (นาง) ภัครพร เรือโป๊ะ ไลน์บอกทุกคน
แต่ที่นี่เป็นเพียงการนัดหมายกลุ่มเล็ก
ๆ ที่มีต้นทางอยู่ที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ การรวมพลใหญ่อยู่ที่ปั๊มน้ำมัน
ปตท. โนนดินแดง ที่นั่น 7 นาฬิกาทุกคนต้องพร้อม
พวกเรารวมกันได้เป็นกลุ่มใหญ่
กว่าร้อยชีวิต ประกอบด้วยครู นักเรียนและผู้บริหารจากโรงเรียนต่าง ๆ
ในเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 3 ที่นำทีมโดย ผอ.คำปุ่น บุญเชิญ
ผู้อำนายการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 3
“ผอ.คำปุ่น บุญเชิญ ผู้อำนายการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา บุรีรัมย์เขต 3”
เมื่อทุกคนพร้อมขบวนรถยนต์ได้เคลื่อนตัวมุ่งสู่
จุดผ่อนปรนบ้านตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
พวกเรามีเป้าหมายข้ามแดนไทย-กัมพูชา สู่โรงเรียนทมอโรมิล (Thmor Romeal
School )อำเภอทมอพวก จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา
เพื่อร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนชายขอบไทย-กัมพูชา
โดยสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต ๓ ๑๗ กรกฎาคม
๒๕๕๘ จำนวน 5 โรงเรียน ประกอบด้วยโรงเรียนในประเทศไทยคือ
โรงเรียนอนุบาลโนนดินแดง โรงเรียนบ้านผไทรวมพล โรงเรียนบ้านราดรักแดน โรงเรียนบ้านแท่นทับไทยและโรงเรียนบ้าน
บาระแนะ
โดยมีโรงเรียนคู่ขนานในกัมพูชาประกอบด้วย โรงเรียนทมอโรมิล (Thmor Romeal School )โรงเรียนปราสาทตะแบง (Prasat Tabang School) และโรงเรียนดงแรก
(Dongrek School) ทั้งหมดอยู่ในอำเภอทมอพวก จังหวัดบันเตียเมียนเจย
“ภัครพร เรือโป๊ะ (นาง) ศึกษานิเทศ
สพป.บุรีรัมย์เขต 3
ผู้ประสานงานโครงการ”
จังหวัดบันเตียเมียนเจย
เรียกเป็นภาษาไทยว่า จังหวัดบ้านมีชัยหรือบันทายมีชัย มีเมืองศรีโสภณ
เป็นเมืองหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชา พื้นที่ติดกับจังหวัดสระแก้ว
ประตูผ่านเข้าสู่บ้านมีชัยคือ ปอยเปต ที่มีทั้งนักท่องเที่ยวและนักเสี่ยงโชคเดินทางเข้าออกเป็นจำนวนมาก
ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจดูคึกคัก เพราะมีการจับจ่ายใช้สอย
มีการค้าขายแลกเปลี่ยน จนกลายเป็นตลาดชายแดนสำหรับที่คนไทยและคนต่างประเทศไปใช้บริการกันอึกทึก
นอกจากนี้ยังมีรถโดยสาร รถประจำทาง และรถแท็กซี่ไว้บริการเป็นจำนวนมาก
แต่การเดินทางของพวกเราครั้งนี้มุ่งหน้าสู่กัมพูชาโดยผ่าน
จุดผ่อนปรนบ้านตาพระยา ที่ตั้งอยู่ที่ตำบลตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
ห่างจากด่านศุลกากรอรัญประเทศ ประมาณ 57 กิโลเมตร
มีบ้านบึงตากวน อำเภอทมอพวก จังหวัดบันเตียเมียนเจยอยู่ตรงกันข้าม ที่นี่มีด่านศุลกากรบึงตากวน
ดูแลคนเข้าออกข้ามแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น.
“บริเวณจุดผ่อนปรนบ้านตาพระยา สถานที่ลงนามข้อตกลง
(MOU)”
คณะของพวกเราถึงจุดผ่อนปรนตาพระยาเวลาประมาณ
10.00 น. ขบวนรถจอดต่อกันเป็นแถวยาวเหยียด เพื่อให้ตำรวจ
ตชด. ได้ตรวจนับและตรวจสอบความปลอดภัย
แต่การจอดครั้งนี้กินเวลายาวนานไปถึงเที่ยงวัน
เจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่อนปรนยังไม่อนุญาตให้ข้ามแดนไปได้
ในที่สุดคณะเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานได้กลับออกมาแจ้งข่าวว่า
คณะของเราไม่สามารถข้ามไปทำกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดไว้ได้
แต่ได้เชิญผู้บริหารและครูโรงเรียนคู่ขนานในกัมพูชาข้ามแดนมายังฝั่งไทยเพื่อร่วมลงนาม
โดยใช้สถานที่ของหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12
อีกไม่นานแพรค
วารินนายอำเภอทมอพวกและคณะก็เดินทางมาถึง ตามติดด้วยคณะของสเดิง ตงอึงรองหัวหน้าสำนักงานการศึกษาเยาวชนและกีฬา
จังหวัดบันเตียเมียนเจยและท้ายสุดเป็นคณะผู้อำนวยการและครูจากโรงเรียนคู่ขนาน 5 โรงเรียนเดินทางมาเพิ่มจนครบจำนวน พิธีการจึงได้เริ่มขึ้น
“พิธีลงนามข้อตกลง (MOU) ระหว่างโรงเรียนคู่ขนานไทย-กัมพูชาที่หน่วยงานเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12.”
“การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและในฐานะสมาชิกสมาคมอาเซียน
ที่จะเปิดประเทศในปี 2015 นี้
มีความต้องการให้ลูกหลานตามแนวชายแดนได้เรียนรู้ภาษาด้วยกัน ในโรงเรียนในเขตพื้นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์
เขต 3 ที่มีพื้นที่บริการและรับผิดชอบอยู่ ประกอบด้วย
ละหานทราย โนนดินแดงและปะคำ ต้องการให้นักเรียนในโรงเรียนเหล่านี้ พูดภาษาเขมรได้ จึงประสานให้ทั้ง
2 ฝ่ายมาทำความตกลง MOU กัน”
นายคำปุ่น บุญเชิญ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 3 กล่าวถึงวัตถุประสงค์ที่การทำความตกลงร่วมกัน
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
ความร่วมมือของเราจะส่งเสริมการศึกษาของทั้ง 2 ประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป”
นายคำปุ่น บุญเชิญ กล่าวทิ้งท้าย
“เรียนท่านคำปุ่น
และคณะจากประเทศไทยทุกท่าน
ความจริงแล้วประเทศไทยและกัมพูชาเคยมีความตกลงกันมาก่อนตั้งแต่วันที่ 11
– 12 กรกฎาคม 2012 ระหว่างจังหวัดบันเตียเมียนเจยและจังหวัดสระแก้ว
จากนั้นก็มีความสัมพันธ์กันเรื่อยมา เป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องการศึกษา วัฒนธรรม เช่น
ศิลปะการแสดงของทั้งสองประเทศ ลูกเสือ เนตรนารี
จึงมีความสัมพันธ์กันอย่างดีทั้งเขต 1 และเขต 2 ระหว่างไทยกับกัมพูชา” สเดิง ตงอึง
รองหัวหน้าสำนักงานการศึกษาเยาวชนและกีฬา จังหวัดบันเตียเมียน เจย กล่าว
“สเดิง ตงอึง
รองหัวหน้าสำนักงานการศึกษาเยาวชนและกีฬา จังหวัดบันเตียเมียน เจย”
“การศึกษาของบันเตียเมียนเจยเพิ่งแยกตัวมากจากพระตะบองเพียง
10 ปี เพราะฉะนั้นทางจังหวัดจะมีปัญหา เช่น
อาคารเรียน ครูอาจารย์ เราไม่มีครูที่เป็นข้าราชการ มีแต่ครูอัตราจ้างเป็นส่วนมาก” สเดิง ตงอึงบอกเล่าถึงปัญหาของโรงเรียนในจังหวัดของเขา
“วันนี้เป็นเรื่องที่โชคดีมาก
ที่มีความสัมพันธ์กันทั้งสองประเทศ กับบุรีรัมย์ หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศจะเหนียวแน่นเป็นนิรันดร์ เพราะอยู่ติดกันอยู่แล้ว”
สเดิง ตงอึงกล่าวย้ำความสัมพันธ์
“วันนี้เป็นนิมิตรหมายอันดีระหว่าง
2
อำเภอ 2 จังหวัด 2 ประเทศ
ที่จะได้สืบสานระหว่าง 2 ประเทศที่มีกันมายาวนาน
ในโอกาสการรวมกันเป็น ASEAN นี้
จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่จะทำให้ความสัมพันธ์เราเหนียวแน่นยิ่งขึ้น
หวังว่าหลังจากนี้ไป จะทำให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นในเรื่องของการศึกษา
ในส่วนของพื้นที่ระหว่างอำเภอกับอำเภอได้มีการพบปะกันเป็นประจำอยู่แล้ว
คิดว่าในอนาคตจะใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่บ้านบาระแนะ ที่ช่องบาระแนะ”
นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ นายอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์กล่าวแสดงความรู้สึก
“นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ นายอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์”
“ยิ่งสายยิ่งหิว” แพรค วาริน นายอำเภอทมอพวก ขึ้นต้นคำคม
“มีความยินดีและภาคภูมิใจที่มาลงนามในวันนี้
ขออภัยที่ ผอ.บางโรงเรียนไม่ได้มา การลงนามนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ขอชื่นชมระบบการศึกษาของอำเภอละหานทรายที่มีความเจริญ
ถ้าเทียบกับโรงเรียนชายแดนกัมพูชา จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจากระบบการศึกษาขาดแคลน โดยเฉพาะครู อุปกรณ์การศึกษา ทำให้เราได้เห็นชัดว่าการศึกษาทั้ง
2 ประเทศมีความแตกต่างกันอย่างมาก
เราเข้าอาเซียนแล้ว จึงต้องมีความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น
นอกเหนือจากการไปมาหาสู่กันในการทำมาหากิน การค้าขาย
ก็จะมีการเชื่อมกันทางด้านวัฒนธรรมและการศึกษา เช่น
เดียวกันการป้องกันอาชญากรรมของทั้ง 2 ประเทศ
การศึกษานี้สำคัญอย่างยิ่ง
เราจะได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนภาษาของกันและกันมากยิ่งขึ้น
หวังว่าอนาคตของเราจะแนบแน่น ขออวยพรให้มีอายุ วรรณะ สุข พละยิ่ง ๆ ขึ้นไป”
แพรค วารินจบด้วยคำอวยพร
“แพรค
วาริน นายอำเภอทมอพวก”
หลังพิธีลงนามและการสัมผัสมือที่เป็นเครื่องหมายแสดงความยินดีและมีสัมพันธภาพไมตรีต่อกันจบลง
ข้าวห่อได้ถูกนำมาทยอยแจกผู้คนในงานอันทรงคุณค่านี้ ความเป็นพี่น้องได้กระชับยิ่งขึ้นในวงข้าวอันเรียบง่าย
เป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ในอ้อมกอดของภูผาและโขดหินของ หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 แห่งนั้น
ยิ่งสายยิ่งหิว คำสำคัญของแพรก
วารินยังก้องอยู่ในใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น