วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เสียงเพรียกจากหมู่บ้านกับการเรียนรู้ใหม่



                                                                                สุริยา เผือกพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมีชัยพัฒนา

ระบบโรงเรียนตามแนวกระแสหลักในระบบการศึกษาที่เป็นอยู่ แปลกแยกจากสังคมและวัฒนธรรมของชุมชน แม้มีความพยายามจะให้โรงเรียนสร้างหลักสูตรท้องถิ่นขึ้นใช้ แต่ที่ผ่านมาไม่เกิดพลังเพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม”

                ระบบการศึกษาที่ดึงคนออกจากหมู่บ้าน เป็นการศึกษาที่ขาดความเสมอภาคและความเป็นธรรม เพราะมุ่งผลิตคนที่มีความรู้ความสามารถให้ไปรับใช้ระบบการผลิตของคนอีกกลุ่มหนึ่ง แล้วทอดทิ้งคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ระบบการผลิตขาดแคลนความรู้ ทักษะและเทคโนโลยี จนกลายเป็นสังคมที่ล้าหลัง ยากจนและเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บ
รูปแบบการเรียนรู้แนวสังคมวัฒนธรรม (Sociocutural Model of Learning) จึงได้เกิดขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกของระบบการศึกษาอีกทางหนึ่ง แนวคิดแบบสังคมวัฒนธรรมนิยม เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ผู้เรียนกุมสภาพการเรียนรู้ด้วยตนเอง ความรู้เกิดจากการตีความของผู้เรียนอันได้มาจากประสบการณ์การเรียนรู้ที่ส่งเสริมการเรียนรู้นั้นเป็นพิเศษ การเรียนรู้ที่ดีที่สุดเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติท่ามกลางบริบทนั้น ๆ


   "เรียนรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน (Experiential Learning) 

หลักการพื้นฐานของสังคมวัฒนธรรมนิยมคือ เรียนรู้ภาวะวิสัย (Subjective) ด้วยตัวผู้เรียนเอง (Individualistic) เป้าหมายคือ มอบอำนาจการเรียนรู้ (Empowerment) การเรียนรู้โดยอิสระ (Emancipatory Learning) ลงมือปฏิบัติด้วยจิตสำนึกทางสังคมของผู้เรียนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงมากกว่าการยอมรับหรือเพียงแค่ทำความเข้าใจสังคม การสร้างความรู้ด้วยตัวเอง เกิดขึ้นได้ดีที่สุดในสิ่งแวดล้อมที่บุคคลเป็นผู้รู้ การเรียนการสอนเกิดจากการลงมือปฏิบัติด้วยตัวของผู้เรียนในบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
การเรียนรู้แนวสังคมวัฒนธรรมนิยม ไม่เห็นด้วยกับการเรียนรู้ตามแนวคิดของเปียเจท์ (Piajet) อันเป็นที่รู้กันมาแต่ตั้งเดิมว่า เป็นแนวคิดที่มุ่งเปลี่ยนแปลงความรู้ที่เป็นนามธรรมมาอธิบายให้เป็นรูปธรรม เพราะไม่ให้ความสำคัญกับพื้นฐานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชุมชนที่โรงเรียนตั้งอยู่
 “ระบบโรงเรียนตามแนวกระแสหลักในระบบการศึกษาที่เป็นอยู่ แปลกแยกจากสังคมและวัฒนธรรมของชุมชน แม้มีความพยายามจะให้โรงเรียนสร้างหลักสูตรท้องถิ่นขึ้นใช้ แต่ที่ผ่านมาไม่เกิดพลังเพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม”


                             "นักเรียนออกเก็บข้อมูลชุมชนตามแนวการเรียนรู้
         แบบศึกษาจากประสบการณ์ฐานราก (Grounded Experiential Education)" 

การเรียนรู้ต้องการอะไรที่มากกว่าเรื่องที่เราคุ้ยเคย อันประกอบด้วย ความหมาย (Meaningful) ความลึกซึ้งในกระบวนการ (Deeply or Elaborative Processed) การสร้างความรู้ในบริบท (Situated in Context) และการลงรากลึกในวัฒนธรรม การสร้างความรู้ความคิด (Meta cognitive and Personal Knowledge) ด้วยตัวของผู้เรียน
โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยมีโรงเรียนเป็นศูนย์กลาง (School – Based Integrated Rural Development Project) ของสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน มีเป้าหมายที่สำคัญคือ ให้โรงเรียนเป็นต้นแบบของแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของทุกคนในชุมชนและเป็นศูนย์กลางการพัฒนาท้องถิ่น ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและประชาธิปไตย โรงเรียนเป็นจักรกลในการขับเคลื่อนชุมชน เพื่อนำไปสู่การมีส่วนร่วม การส่งเสริมศักยภาพชุมชนอย่างยั่งยืนและลดการย้ายถิ่นฐาน โดยการพัฒนาศักยภาพครูและนักเรียน ส่งเสริมการเป็นผู้นำ เน้นการสร้างคนรุ่นใหม่ให้รู้จักค้นคว้า มีคุณธรรมและมีจิตสาธารณะ

โรงเรียนมีชัยพัฒนา อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์เป็นโรงเรียนต้นแบบของโครงการดังกล่าว


                  "รากเหง้าทางประวัติศาสตร์อันเป็นฐานรากของผู้ศึกษาเรียนรู้"

“ผมอยากจะขอบคุณที่ให้เวลาในการพาชมรอบ ๆ โรงเรียน เห็นแรงบันดาลใจในการสร้างแนวความคิดในการจัดการศึกษาที่เป็นที่ต้องการยิ่งในประเทศไทย ผมหวังว่าจะได้ร่วมมือกันในโอกาสข้างหน้า” มิสเตอร์ไบรอัน แมสซิงแฮม เจ้าของศูนย์การเรียนรู้นอกสถานที่จังหวัดเชียงใหม่กล่าว
“ได้มีโอกาสนำนักเรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาและผู้นำชุมชนมาเรียนรู้การดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียนมีชัยพัฒนา ซึ่งรู้สึกประทับใจในสถานที่แห่งนี้ มีบรรยากาศสะอาดร่มรื่น นักเรียนและบุคลากรทุกคนได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ทั้งยังได้เป็นวิทยากรให้ความรู้ต่าง ๆ อย่างหลากหลายอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง ซึ่งพวกเราทุกคนจะได้นำเอาความรู้เหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป” ผอ.สุทธิพงน์ ทรงศีล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองเตียน จังหวัดสระแก้วหนึ่งในสมาชิกโรงเรียนเครือข่าย School-BIRD กล่าวในโอกาสนำคณะมาศึกษาดูงาน

การเรียนรู้แบบดั้งเดิมที่ยึดวัตถุประสงค์ (Objectivist Model of Learning) เป็นหลัก จะไม่ยอมรับความรู้ที่ผู้เรียนสร้างขึ้นจากสังคมวัฒนธรรมของพวกเขาและพวกเขาได้ใช้เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงสังคมวัฒนธรรมนั้นด้วย โดยการนำความรู้ที่สร้างขึ้นมาอธิบายให้เป็นที่ยอมรับของครูและกลุ่มเพื่อนในชั้นเรียน หลักการปฏิบัติของรูปแบบการเรียนรู้แนวสังคมวัฒนธรรมนิยมคือ ผู้เรียนได้เข้าร่วมในสถานการณ์การเรียนรู้ที่ตนเองเป็นเจ้าของ การสอนไม่ได้เกิดจากความรู้ความจริงเพียงมิติเดียว (Single interpretation of Reality)


             "การเรียนรู้แนวสังคมวัฒนธรรม (Sociocutural Model of Learning)"

ถ้าเปรียบเทียบการเรียนรู้กับแนวสรรค์สร้างนิยมและความรู้ความเข้าใจ (Constructivism and Cognitionism) รูปแบบการเรียนรู้แนวสังคมวัฒนธรรมนิยมยังอยู่ในขั้นกำลังเริ่มต้น (Nascent Stage) ทั้งการเรียนรู้และการประยุกต์ใช้
ระบบการศึกษาที่ใช้สถาบันการศึกษาเป็นเครื่องมือในการให้ความรู้ ทักษะและเจตคติแก่ผู้เรียนเพื่อให้ออกไปเป็นกำลังการผลิตในระบบเศรษฐกิจกระแสหลักเป็นสำคัญ สถาบันเหล่านี้จึงแปลกแยกจากชุมชน ดำเนินกิจการอย่างโดดเดี่ยวโดยลำพัง คนในหมู่บ้านไม่ได้รับผลจากการจัดการศึกษา ความไม่เสมอภาคและเป็นธรรมเช่นนี้ ถ้าระบบโรงเรียนไม่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ก็คงหวังไม่ได้ว่า ความยากจน ล้าหลังและภัยโรคาจะหมดไปจากหมู่บ้าน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น