สุริยา เผือกพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมีชัยพัฒนา
"โรงเรียนมีชัยพัฒนาเป็นส่วนผสมระหว่างสมาคม ฯ
กับบริษัทพัฒนาประชากรจำกัด มูลนิธิมีชัยพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมฯ
ที่ริเริ่มทำการทดลองศึกษาค้นคว้าแนวทางการพัฒนาแบบใหม่ ๆ และเมื่อประสบความสำเร็จ
สามารถนำไปดำเนินการและขยายผลต่อไปได้ "
นอกจากคำสำคัญ (Key
words) ต่าง ๆ
ที่ปรากฏให้ได้เห็นเพื่อการเรียนรู้และทำความเข้าใจถึงแนวคิดปรัชญาการบริหารจัดการโรงเรียนแล้ว
รูปแบบการเรียนรู้ (Learning Module) ของนักเรียนรวมทั้งวิธีการทำงานของครูในโรงเรียนก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงการเรียนรู้แนวใหม่
(New Learning)
ทุก ๆ
สัปดาห์ในรอบหนึ่งเดือนจะมีคณะศึกษาดูงานเข้ามาเยี่ยมโรงเรียนไม่มากก็น้อย
กลุ่มคนเหล่านั้นเดินทางมาจากที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้น
สิ่งแรกที่ได้เห็นความแตกต่างจากโรงเรียนทั่ว ๆไปคือ ห้องเรียนแบบเดิมที่จำกัดด้วยกำแพงสี่ด้านและการถูกกักขังด้วยตารางเวลา
(Bounded
by four walls of the classroom and cells of the timetable) ได้กลายมาเป็นการเรียนรู้ที่ไม่จำกัดพื้นที่และเวลาที่ตายตัว
รวมทั้งการเรียนรู้มีอยู่ทั่วไปด้วย (Ubiquitous Learning)
ครูและนักเรียนต้องร่วมกันวางแผนให้การต้อนรับและนำเสนอข้อมูลตามวัตถุประสงค์ของคณะที่มาศึกษาดูงานที่มีจำนวนตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย
การแสวงหาความรู้ตลอดจนวิธีการนำเสนอของนักเรียนเป็นการเรียนรู้แนวใหม่ (New
Learning) ที่นักเรียนเผชิญในแต่ละสถานการณ์ ด้วยการเรียนรู้แบบเป็นฝ่ายรุก
(Active Knowledge Making) ที่ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้และออกแบบวิธีการในการนำเสนอองค์ความรู้นั้น
ๆ ต่างจากการเรียนรู้แบบเดิมที่นักเรียนเป็นฝ่ายรับ (Passive Knowledge
Consumption) ที่ผู้เรียนเป็นผู้บริโภคความรู้ ดูดซับและทำซ้ำ ๆ
ตามตำราอย่างเดียว
ดังนั้น
ห้องเรียนแบบเดิมที่ถูกจำกัดจึงแปรสภาพมาเป็นห้องเรียนที่อยู่ในสถานการณ์จริง (Real
World Experience) ที่ทุกคนได้เรียนรู้บนพื้นฐานของความสนใจและความรับผิดชอบในภาระหน้าที่ที่ตนมีในวันนั้น
ๆ (Differentiated Learning) ได้มีความสัมพันธ์กับกลุ่ม (Collaboration
Intelligence) ไม่เป็นระบบตัวคนเดียว (Individualized) ผู้เรียนได้เรียนรู้การแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ตนเองเผชิญในสนามการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน
แตกต่างจากการเรียนในห้องเรียนแบบเดิมที่ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบเดียวกัน
(Homogenizing) ด้วยวิธีการสอนแบบเดียวเพื่อคนทุกคน (One
size fits all) ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่าและปีแล้วปีเล่า
ไม่เพียงแต่การเรียนรู้จะเกิดขึ้นเฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น
แหล่งเรียนรู้อื่น ๆ นอกโรงเรียนก็เป็นสิ่งหนึ่งที่นักเรียนออกไปแสวงหาอยู่เสมอ
“พวกเราได้รับประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์มากในโรงเรียนที่มีอัตลักษณ์เป็นของตนเอง
ในบรรยากาศที่ให้การต้อนรับทุก ๆ คน
ในที่ที่ทุกคนรู้สึกว่าได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน
ในช่วงระยะเวลาอันสั้นได้รับความช่วยเหลือและพูดคุยกันด้วยความเข้าใจกับคณะครูและนักเรียน
รู้สึกประทับใจที่เห็นการเรียนการสอนที่ฝึกความเป็นผู้นำให้กับนักเรียน รูปแบบการสอนที่จัดขึ้นในโรงเรียนมีชัยพัฒนา
ช่วยพัฒนานักเรียนให้มีทักษะภาวะผู้นำและการสื่อสาร” คณะนักศึกษาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัย
Nottingham
University ประเทศมาเลเซียกล่าวชื่นชม
“ในนามของประชาชนและคณะคณะครู นักเรียน
ผู้บริหารของเทศบาลตำบลเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ต้องขอขอบคุณมูลนิธิมีชัยฯ
ที่ให้ความอนุเคราะห์ในการอบรมและศึกษาดูงาน ณ ศูนย์แห่งนี้และมูลนิธิมีชัยฯ
ยังให้การสนับสนุนในเรื่องของความรู้และประสบการณ์ในการประกอบอาชีพ
ตลอดจนในเรื่องของงบประมาณที่จะช่วยเหลือชุมชนในชนบท” นายกเทศมนตรีตำบลเจ้าพระยากล่าวแทนคณะ
หลายคนอาจตั้งคำถามว่า
การจัดการเรียนรู้แนวใหม่ท่ามกลางการจัดการศึกษากระแสหลักที่มุ่งส่งเสริมการแข่งขันแบบตัวใครตัวมัน
จะทำให้นักเรียนมีโอกาสเข้าไปยืนอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในกระแสสังคมเช่นคนทั่ว
ๆ ไปหรือไม่
โรงเรียนมีชัยพัฒนา เปิดทำการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปีการศึกษา
2552
ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มาบัดนี้นักเรียนรุ่นแรกดังกล่าว
ซึ่งมีจำนวน 25 คนจะจบหลักสูตรชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษา2557 นี้แล้ว ขณะนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2558) นักเรียนจำนวน 18 คน สามารถสอบเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้เรียบร้อยแล้ว คาดว่าส่วนที่เหลืออีกไม่กี่คนจะมีที่ศึกษาต่อจนครบในโอกาสต่อไป
โรงเรียนมีชัยพัฒนาเป็นส่วนผสมระหว่างสมาคม ฯ
กับบริษัทพัฒนาประชากรจำกัด มูลนิธิมีชัยพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมฯ
ที่ริเริ่มทำการทดลองศึกษาค้นคว้าแนวทางการพัฒนาแบบใหม่ ๆ และเมื่อประสบความสำเร็จ
สามารถนำไปดำเนินการและขยายผลต่อไปได้
เชื่อว่าเราต้องผสมผสานการศึกษาและการพัฒนาไปด้วยกัน
การปฏิรูปการศึกษาในรูปแบบนี้เป็นเสมือน
“ดอกไม้ที่กำลังบาน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น