วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ความบกพร่องในการอ่าน การเรียนรู้และความยากลำบากในการอ่าน (About Reading Disabilities, Learning Disabilities and Difficulties)

                                                                                                               Kathryn Drummond เขียน
                                                                                                   สุริยา เผือกพันธ์ แปลและเรียบเรียง



คำสำคัญ : ความบกพร่องในการอ่าน (Reading Disabilities), ความบกพร่องในการเรียนรู้ (Learning Disabilities), ความยากลำบากในการอ่าน ( Reading Difficulties)

                เด็กประมาณ 10 ล้านคน มีความยากลำบากในการอ่าน แต่ข่าวดีคือ กว่าร้อยละ 90 ของเด็กเหล่านี้ สามารถเอาชนะความยากลำบากของเขาได้ ถ้าได้รับวิธีการแก้ไขตั้งแต่อายุยังน้อย”

เราสามารถแก้ปัญหาการอ่านตั้งแต่ต้นได้อย่างไร
                สิ่งที่พ่อแม่และครูจะต้องตระหนักเมื่อสงสัยว่าเด็กจะมีปัญหาในการอ่าน โดยไม่ต้องรอว่าจะต้องมีผลการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการก่อนหรือไม่  เพียงแต่เห็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเด็กมีความยากลำบากในการอ่านก็พอแล้ว คือถ้าเห็นว่าเด็กมีความลำบากในการอ่านอย่างต่อเนื่องนั่นหมายความว่า เด็กมีปัญหาการอ่านแล้ว แต่ถ้าในเด็กกลุ่มใหญ่ (ที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย) ก็ต้องการความช่วยเหลือในการอ่านเช่นกัน
                เมื่อเด็กมีปัญหาในการอ่านหรือถูกระบุว่ามีปัญหาอย่างเป็นทางการแล้ว สิ่งที่ต้องดำเนินการคือ
1.             ศึกษาธรรมชาติและวิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้องของนักเรียนที่มีความบกพร่อง
2.             กำหนดเป้าหมายการสอน เพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มทักษะให้สูงขึ้น
3.             รวบรวมจุดอ่อนของนักเรียนและสร้างจุดแข็งให้พวกเขา

เมื่อไหร่ที่สงสัยว่าเด็กจะมีปัญหา
                สร้างความตระหนักจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอ่านให้ฟัง นักเรียนอนุบาลควรได้รับการตรวจสอบด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าพวกเขาอ่านยากกว่าคนอื่น ในเรื่องการออกเสียง การให้จังหวะจะโคน การอ่านคำศัพท์หรือการเรียนเกี่ยวกับจำนวน พยัญชนะ จำนวนวันในสัปดาห์ สีและรูปร่าง เป็นต้น
                ควรจะได้มีการศึกษาว่าเด็กแต่ละคนเหล่านั้น จะมีเป้าหมายในการพัฒนาอย่างไรที่เหมาะกับวัยวุฒิ อาจศึกษาเพิ่มเติมจากบทความและหนังสือที่เกี่ยวข้อง เช่น Literacy Milestones, Accomplishments in Reading และ Preventing Reading Difficulties in Young Children เป็นต้น ถ้าเห็นเด็กแสดงออกถึงปัญหาบ่อย ๆ ควรนำพวกเขาไปวัดผลความสามรรถในการอ่านและการเรียนรู้
                พึงเรียนรู้ว่า นักเรียนมีอัตราความยากลำบากในการเรียนอย่างไร นักเรียนทุกคนไม่สามารถจะพัฒนาการเรียนรู้ด้วยวิธีการหรืออัตราเดียวกัน แต่การพัฒนาของเด็กส่วนใหญ่ จะไปสิ้นสุดตอนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่พวกเขาจะอ่านได้อย่างคล่องแคล่วตามความเหมาะสมของการเรียนรู้ สิ่งสำคัญก็คือ มันอาจเป็นไปได้ว่า เด็กจะไม่ได้รับการเรียนรู้วิธีการอ่านที่ถูกต้องมาตั้งแต่อายุยังน้อย จึงทำให้พวกเขามีปัญหาในการอ่าน



เสียงทำให้นักเรียนบางคนมีปัญหาในการอ่านใช่หรือไม่
                มีเด็กบางคนอาจมีพัฒนาการอ่านที่ยากกว่าคนอื่น ๆ มันเป็นเรื่องจำเป็นที่ครูจะต้องรู้แนวโน้มที่เกิดขึ้นนี้ เพื่อติดตามและสังเกตปัญหาตั้งแต่ต้น นักเรียนอาจพัฒนาการอ่านด้วยความยากลำบาก ถ้าพวกเขามีพ่อแม่ที่มีประวัติที่มีปัญหาในการอ่านมาก่อน (อ่านเสียงตะกุกตะกัก) ถ้าพวกเขาถูกวินิฉัยด้วยวิธีการเรียนที่ไม่ถูกต้องหรือการฟังบกพร่องมาก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นความรู้และทักษะที่เกี่ยวกับการอ่านที่ได้รับในระหว่างที่เรียนอยู่ในระดับอนุบาลด้วยเช่นกัน (Snow, Burns, & Griffin, 1998)
บทบาทการเรียนการสอนเมื่อพบปัญหาการอ่าน
                การสอนอ่านที่ดีมีความจำเป็นสำหรับนักเรียนในการเรียนรู้ การอ่านไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและการอ่าน กล่าวว่าประกอบด้วยองค์ประกอบที่แตกต่างกัน ซึ่งมีความยากลำบากในการวินิจฉัยนักเรียนและค้นหาวิธีการที่ถูกต้องในการแก้ปัญหา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายครูต้องมีความเข้มแข็งและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในทฤษฎีการอ่านและการปฏิบัติ

ความแตกต่างระหว่างความยากลำบากในการอ่านกับความบกพร่องในการอ่าน (Reading difficulties and Reading disabilities)
                เด็กบางคนอาจมีปัญหาในการอ่าน (Reading difficulties) แต่ไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าบกพร่อง (Reading disabilities)   เด็กเหล่านี้อาจเป็นเพียงเรียนช้ากว่าเพื่อนเล็กน้อย ต้องใช้เวลามากขึ้นเพื่อเรียนรู้ให้แม่นยำคงที่ พวกเขาอาจต้องการการสอนอ่านเป็นพิเศษมากกว่าที่เคย หรือนักเรียนอาจได้รับการสอนอ่านที่ไม่ถูกวิธีมาก่อน ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม นักเรียนเหล่านี้จะต้องได้รับการดูแลและด้วยความเข้าใจของครูและผู้ปกครองที่จะช่วยให้พวกเขาอ่านได้ตามต้องการ
                นักเรียนบางคนได้รับการวินิจฉัยว่า มีความบกพร่องในการเรียนรู้ (Learning disabilities) นักเรียนเหล่านี้จะได้รับการศึกษาที่เป็นการศึกษาพิเศษตามกฎหมายเป็นรายคนที่เรียกว่า (Individuals with Disabilities Education Act : IDEA) จากโครงสร้างการบริหารและเป้าหมายการจัดการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า นักเรียนจะต้องมีความสำเร็จตามหลักสูตร Individualized Education Program (IEP) ซึ่งเป็นหลักสูตรพัฒนานักเรียนที่มีความบกพร่องในการเรียนที่มีปัญหาในการอ่าน จากการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญพบว่า ความบกพร่องในการอ่านเกิดขึ้นกับนักเรียนอย่างน้อยร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร (Shaywitz, 2003) อย่างไรก็ตามร้อยละ 4 ของเด็กวัยเรียนได้รับบริหารการศึกษาพิเศษเพื่อความบกพร่องในการอ่าน



โดยทั่วไปความบกพร่องในการเรียนรู้ (Learning Disabilities) คืออะไร
                คนที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ (LD) มีความยากลำบากในการเรียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะและเนื้อหาทางวิชาการ ความบกพร่องในการเรียนรู้ไม่เกี่ยวกับสติปัญญา (Intelligence) บ่อยครั้งที่พวกเขามีปัญหาเกี่ยวกับสรีระ สมองของบางคนอาจทำให้เรียนรู้ยากกว่าสมองของคนอื่น ๆ  

ความสัมพันธ์ระหว่างความบกพร่องการเรียนรู้ ความยากลำบากในการอ่านและ Dyslexia
                มากกว่าร้อยละ 80 ของความบกพร่องในการเรียนรู้ เป็นผลให้มีปัญหาในการอ่าน ความบกพร่องในการอ่านอาจมีความหมายเดียวกับคำว่า Dyslexia ที่อธิบายถึงความยากลำบากในการเรียนรู้การอ่านที่เด็กดูและเขียนอักษรและจำนวนกลับข้างกัน อย่างไรก็ตามอาจไม่ใช่กรณีนี้เสมอไป แต่อาจเป็นการรวมเอาปัญหาความยากลำบากอื่น ๆ ในการอ่าน บ่อยครั้ง Dyslexia อาจเกิดจากปัญหาการฟังที่เป็นส่วนหนึ่งของภาษาและการอ่านคำคล่องหรืออีกนัยหนึ่ง ปัญหาเกี่ยวกับความเข้าใจในสิ่งที่อ่าน

การให้ความช่วยเหลือ
                เมื่อนักเรียนมีความยากลำบากในการอ่าน มันเป็นปัญหาที่ครอบงำครูและเป็นปัญหาทางด้าน อารมณ์ของเด็กและผู้ปกครองด้วย ครูและพ่อแม่สามารถให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาในการอ่าน โดยระบุจุดที่เป็นปัญหาจากธรรมชาติและวิธีการเรียนรู้ที่เป็นปัญหาของนักเรียนแล้ว แก้ปัญหาและพัฒนายกระดับทักษะการอ่านเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของพวกเขาเป็นสำคัญ
                                          ................................................................................................
Kathryn Drummond, Ph.D. is a research analyst at The Access Center, a part of the American Institutes for Research, funded by the U.S. Department of Education Office of Special Education Programs.


1 ความคิดเห็น: