วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

ความลี้ลับของภาวะผู้นำ (The neuroscience of leadership)




                 (ภาพจาก  https://www.google.co.th/search?q=richard+boyatzis+image&espv)


                                       Richard Boyatzis PhD - Case Western Reserve University: บรรยาย
                                                                  สุริยา เผือกพันธ์: ถอดความแปลและเรียบเรียง

คำสำคัญ : เครือข่ายเซลล์สมองกระจก (The mirror neuron networks.), เครือข่ายภารกิจด้านบวก (The task positive network), เครือข่ายสังคม (Social network), เครือข่ายการไหลเวียนของเลือด (Hemodynamic sympathetic networks), ประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience)

ในบทเรียนนี้ เราจะเข้าไปศึกษาถึงความลี้ลับของระบบประสาทของผู้นำทั้งที่มีอิทธิพลกับผู้นำที่ไม่มีอิทธิพล ในคราวก่อน เราพูดถึงผู้นำที่มีประสิทธิภาพนำเราไปพบกับสิ่งที่ดีที่สุดอย่างไร ด้วยวิธีการปรับความสัมพันธ์ให้เข้ากันได้ดี คือ ใช้ค่านิยมหลักที่เป็นความหวัง ความเมตตากรุณาและความจริงใจ

สองปีที่ผ่านมา มีงานที่เพิ่งตีพิมพ์ในปีนี้ โดยร่วมกับกลุ่มเพื่อนที่คลินิคเคลพแลนด์ (Cleveland Clinic) ประกอบด้วย ดร. ไมค์ ฟิลลิปส์ เจนี สทอลเลอร์ มาร์ค โลวี (Dr.'s Mike Phillips, Jamie Stoller,  Mark Lowe.)  และกลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย แคเธอรีน โคอินิ่งและเบรสสี่ แมทธิวและแองเจลล่า พาสาเรลลี (Katherine Koenig and Blessy Mathew and  Angela Passarelli)  เป็นงานเขียนที่พวกเราได้ไปสัมภาษณ์บุคคลสำคัญที่มีอายุเฉลี่ย 49 ปี เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของพวกเขาจากผู้นำที่มีอิทธิพลและไม่มีอิทธิพล พวกเราคัดย่อมาจากการสัมภาษณ์จากเหตุการณ์เฉพาะ  6 เหตุการณ์ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 6 นัยยะ ของแต่ละคนที่เกิดจากผู้นำทั้งสองบุคลิคดังกล่าว

หลายสัปดาห์ต่อมาพวกเขากลับมาและได้ไปที่ FMRI (Functional Magnetic Resonance Imaging machine) ในที่ซึ่งพวกเราได้สัมภาษณ์พวกเขาอีกครั้ง โดยแองเจลล่า พาสาเรลลี เป็นผู้สัมภาษณ์ ถึงการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่น และได้ถามถึงปฏิกิริยาของพวกเขาที่มี ว่าได้จดจำรูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิภาพของผู้นำของเขาอย่างไร
ผลลัพธ์ที่ได้ เมื่อเรานำข้อมูลมารวมกัน เราได้พบความแตกต่างของความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้พวกเราได้เข้าใจ ไม่เพียงแต่ความรู้สึกถึง การสร้างสรรค์ของผู้นำที่มีอิทธิพลแตกต่างจากผู้นำที่ไม่มีอิทธิพลอย่างไรเท่านั้น แต่ยังรู้ไปถึงการทำงานของสมองของพวกเขาด้วย หนึ่งในหลายสิ่งที่เห็นได้แน่นอน คือการทำงานของเครือข่ายเซลล์สมองกระจก  (The mirror neuron networks.)


 Richard Boyatzis  
(ภาพจาก  https://www.google.co.th/search?q=richard+boyatzis+image&espv)

หลายปีมานี้ นักประสาทวิทยาศาสตร์ (Neurosciencetist)  โดยเฉพาะ ดร. อาโคโบนี และ ดร. ริซโซแลตตี (Dr.  Iacoboni and one Dr. Rizzolatti) ได้พูดเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ปี 90 เรื่องเซลล์กระจกและเครือข่ายเซลล์กระจก ซึ่งหลายปีต่อมา มีคนได้กลับมารับรองและสนับสนุนการค้นพบของพวกเขาในครั้งแรกครั้งนั้นว่า เครือข่ายในสมองเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายประสาท ที่ทำให้เรา เลียนแบบผู้อื่น

ตรงนั้นมีเซลล์กระจกบางส่วนอยู่ในสมอง แต่ที่มีมากที่สุดเป็นเครือข่ายเซลล์กระจก ที่ช่วยให้เราทำอย่างที่พูดถึงอยู่นี้และตั้งแต่ที่มีคนอื่น ๆ ได้พบความจริงเช่นเดียวกัน โดยจอห์น เดเสตตีและดอน บาทิสัน (John Desetti and Don Bateson.) ได้พบสิ่งที่เรียกว่า เครือข่ายการไหลเวียนของเลือด (Hemodynamic sympathetic networks) ก็ทำให้เรารู้ว่า การกระทำบางอย่างสั่งตรงมาจากสมอง เพื่อการปรับอารมณ์ให้เข้ากับคนอื่น ๆ ระหว่างเครือข่าย 2 กลุ่มนี้ เราสามารถปรับให้เข้ากับคนอื่น ๆ ได้ โดยใช้ประสาทและที่สั่งตรงจากสมอง

 มีงานเขียนทางวิทยาศาสตร์บ้างเล็กน้อย ที่ดูเหมือนจะเห็นด้วยในทำนองนั้น แต่สิ่งที่มีคุณค่าควรแก่การจดจำ คือ การสั่งจากสมองนั้นได้เกิดขึ้นเร็วมากนับเป็นหนึ่งในพันของวินาที (Milliseconds) และเกิดขึ้นนานมาก่อนแล้ว ใต้จิตสำนึก
หนึ่งในหลายสิ่งที่พบ ในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของผู้นำที่มีอิทธิพล ในชีวิตของพวกเขา คือ ที่สำคัญเป็นการกระตุ้นเครือข่ายเซลล์กระจก และเมื่อพวกเขาได้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงนี้  พวกเขาจะแสดงภาวะผู้นำที่ไม่มีอิทธิพล ด้วยการลดแรงกระตุ้นด้วยเครือข่ายเดียวกัน


  (ภาพจาก  https://www.google.co.th/search?q=richard+boyatzis+image&espv)

ในบทความของศาสตราจารย์โทนี แจ็ค (Professor Tony Jack) แห่งมหาวิทยาลัย Cae Western Reserve University ได้ตีพิมพ์ในวารสาร Neurolmage แสดงให้เห็นว่า เมื่อเราได้ทำการวิเคราะห์ภารกิจ ผลของการวิเคราะห์คือ ความต้องการ จำนวนตัวเลข การเงิน กายภาพ สิ่งเหล่านี้ จะช่วยกระตุ้นเครือข่ายในสมองที่เรียกว่า เครือข่ายภารกิจด้านบวก (The task positive network) มันเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของหน้าที่
เป็นส่วนของสมองที่ช่วยให้เราสนใจที่จะแก้ไขปัญหา แต่เครือข่ายภารกิจด้านบวก ที่สำคัญนี้ เป็นไปได้ว่าจะถูกสกัดกั้นจากสิ่งอื่น ๆ ด้วย และในความเป็นจริง มันก็จะปฏิเสธสิ่งต่าง ๆ นั้นด้วยอย่างแน่นอน สิ่งนั้นคืออะไร

จากการศึกษาของโทนี แจ็คได้แสดงให้เห็นสิ่งดังกล่าวว่า  มันคือ สถานการณ์ทางสังคมมันจะเชื่อมต่อกับ ข้อเรียกร้องของใครต่อใครที่มีปัญหา บางคนพยายามที่จะแสดงให้ถึงผลกระทบต่อคนอื่น ๆ บางคน เรากระตุ้นเครือข่ายและวงจรที่แตกต่างกันนี้ในสมองอีกเครือข่ายหนึ่ง เรียกว่า เครือข่ายสังคม (Social network) ซึ่งมันคือองค์ประกอบของของเครือข่ายที่ถูกติดตั้งไว้ในสมองส่วนหนึ่ง
เดี๋ยวนี้คนจะรู้ถึงการทำงานของเครือข่ายทั้งสองนี้ สิ่งที่โทนีแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่เกือบเป็นอิสระของแต่ละเครือข่าย มีบางส่วนเท่านั้นที่ค่อมกันเล็กน้อย เพื่อใช้ในการลดทอนอำนาจของกันและกัน ดังนั้น เมื่อเราใช้ส่วนการวิเคราะห์ ในการแก้ปัญหาที่เราต้องการแก้ เราก็จะไปลดทอนพื้นที่ของส่วนที่เป็นเครือข่ายสังคม และเมื่อเราใช้ส่วนที่เป็นเครือข่ายสังคม เราก็จะไปลดทอนพื้นที่ของส่วนที่เป็นการวิเคราะห์

   ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราต้องการทั้งสองส่วน เราต้องการความสามารถในการตัดสินใจในการแก้ปัญหาและเรายังต้องการความสามารถของเครือข่ายสังคม เพียงเพื่อติดต่อกับผู้คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์ และศีลธรรมในสังคมรอบข้างด้วย ความต้องการเหล่านี้เป็นไปโดยเปิดเผย เพราะว่าในเครือข่ายสังคม เราต้องการเปิดประตูไปสู่ความคิดใหม่ ๆ
จากการศึกษาของเราพบเห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้นำที่มีอิทธิพลจะสามารถกระตุ้นส่วนที่เป็นเครือข่ายทางสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน



   (ภาพจาก  https://www.google.co.th/search?q=richard+boyatzis+image&espv)

การมีปฏิกิริยาต่อการเปลี่ยนแปลงด้วยผู้นำที่มีอิทธิพลของผู้คน พวกเขาจะกระตุ้นถึงสามครั้ง ในส่วนของเครือข่ายสังคม สองในสามครั้งนั้นจะใช้ลดทอนอำนาจยั้งยั้ง นอกจากนี้  จากการศึกษายังได้แสดงให้เห็นถึงการกระทำที่เป็นความจำ การระลึกถึงผู้นำที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการทำงานของสมอง การทำงานนี้ยังบ่งชี้ให้เห็นถึงวิธีการปฏิบัติในทางตรงกันข้ามคือ การหลบเลี่ยงการทำงานกับผู้นำที่ไม่มีอิทธิพลด้วย

ส่วนของสมองที่กระตุ้นอารมณ์ด้านบวกมาก  เป็นส่วนที่แสดงให้เห็นถึง การตอบสนองของภาวะผู้นำที่มีอิทธิพล ส่วนสมองที่กระตุ้นด้วยอารมณ์ด้านลบมาก ก็จะตอบสนองในภาวะผู้นำที่ไม่มีอิทธิพลเช่นกัน

ดังนั้น เราไม่ได้สนใจเฉพาะด้านพฤติกรรมและจิตวิทยาเท่านั้น เราต้องเริ่มทำความเข้าใจส่งที่เป็นอยู่ในสมอง ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ได้เกิดขึ้นในจิตใต้สำนึกมาก่อนด้วย สามัญสำนึกของผู้นำที่มีอิทธิพล จะไม่ทำอะไรง่าย ๆ   แต่สิ่งที่ทำนั้นจะต้องถูกขัดเกลามาอย่างดี

คำถามต่อไปมีว่า ทำไมจึงต้องเป็นอย่างนั้น ทำไมคนที่สูญเสียอิทธิพล  จึงเริ่มที่จะให้ความสนใจผู้คนและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบข้างพวกเขา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น