สุริยา เผือกพันธ์ : เรียบเรียง
“ถ้าการศึกษาทางเลือกต้องการเสรีภาพเป็นดั่งท้องทะเลแห่งการเลือก การเรียนรู้ต้องการผืนฟ้ากว้างเป็นพื้นที่ของการแสวงหายิ่งกว่า”
คำสำคัญ : ประชาธิปไตยของความรู้ (Democratization of Knowledge) การเรียนรู้แบบสืบค้น (Inquiry Approach) การศึกษานอกระบบ,
การศึกษาในระบบ
แทบไม่น่าเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริงในสังคมการสื่อสารบนโลกใบนี้
เชอริล เลมเก (Cheryl Lemke, 2554: 359) ได้กล่าวว่า
อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในศตวรรษที่ 21 ตัวเลขที่เกิดขึ้นน่าตกใจมาก
มีการเฉลิมฉลองการเชื่อมต่อในระบบโทรศัพท์มือถือครบ
4,000
ล้านเลขหมาย ในปี 2009
มี URL ที่ไม่ซ้ำกันกว่าหนึ่งล้านล้านรายการในดัชนีของกูเกิ้ล
มีผู้ชมคลิปวิดีโอ Guitar
เกือบ 61 ล้านครั้งบนยูทูบ
มีการโพสต์ในบล็อกโดยเฉลี่ย 9 แสนโพสต์ ทุก 24 ชั่วโมง
มีการทวีตมากกว่า 2,500
ล้านข้อความบนทวิตเตอร์
กูเกิ้ลซื้อยูทูบในปี 2006
ด้วยราคา 1.65 พันล้านดอลลาร์
มีคนกว่าร้อยล้านคนเข้าเฟสบุ๊คทุกวันและ
ทั่วโลกใชเวลาประมาณ 2.6
พันล้านนาทีต่อวันหมดไปกับการเล่นเฟสบุ๊คใน 35 ภาษา
ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น !!!!
ร้อยละ 96 ของเด็กอายุ 9 – 17 ปี รับเอาวัฒนธรรมเว็บ 2.0
มาใช้สร้างเครือข่ายสังคม เขียนบล็อก ทวีตข้อความ ทำแผนที่ จีพีเอส
และเล่นเกมออนไลน์ เยาวชนเหล่านี้สื่อสารกันทันที
ผ่านการส่งข้อความและการแบ่งปันไฟล์ต่าง ๆ นอกโรงเรียน
ทั้งหมดที่กล่าวถึง
เป็นวัฒนธรรมของเด็กอเมริกัน
ถ้าการทำให้แน่ใจว่านักเรียนทุกวันนี้พร้อมจะใช้ชีวิต
เรียน ทำงานและเติบโตในโลกไฮเทค
โลกที่เปลี่ยนเป็นหนึ่งเดียวและโลกแห่งการมีส่วนร่วม เหล่านี้คือ
ความรับผิดชอบของนักการศึกษาแล้ว ระบบโรงเรียนของสหรัฐอเมริกา
ดูจะต่อไม่ติดกับวัฒนธรรมของสังคมปัจจุบันเลย
หนำซ้ำโรงเรียนจำนวนมาก
กลับตรวจค้นเครื่องมือทางเทคโนโลยีของนักเรียน (เช่น สมาร์ทโฟน โทรศัพท์ มือถือ ไอพอด
ไอทัช) ที่ประตูทางเข้าโรงเรียนอีกต่างหาก
ดูเหมือนว่าทุกหนแห่งจะหวาดระแวงกับการใช้เทคโนโลยีของเด็กและเยาวชนไปเสียหมด
ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งสังคมไทย
เพราะปรากฏการณ์ของการใช้สื่อของคนกลุ่มนี้เป็นไปในทางบันเทิงและล่อแหลมต่อคุณค่าทางจริยธรรมอย่างยิ่ง
เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้นำเครื่องมือทางเทคโนโลยีไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้
จึงควรมีหลักสูตรการใช้เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ แทนการใช้กฎข้อห้ามอย่างเข้มงวด
เพราะแท้จริงแล้วไม่มีข้อห้ามใดศักดิ์สิทธิ์เพียงพอ
ต่อการห้ามปรามการใช้เทคโนโลยีของเด็กในช่วงเวลาที่พวกเขาพ้นจากรั้วโรงเรียนไปแล้วได้เลย
เชอริล เลมเก อ้างอิงถึงงานวิจัยของบริดเจ็ต
บาร์รอน (Bridget Barron) นักวิจัยจากสแตนฟอร์ต แนะนำว่า
ควรสร้างโอกาสแห่งการเรียนรู้นอกระบบในรูปแบบต่าง ๆ
แล้วบูรณาการเข้ากับการเรียนรู้ในระบบและเพื่อสร้างหลักประกันว่า
นักเรียนจะได้รับความรู้และเกิดความเชียวชาญในการสำรวจ
การมีปฏิสัมพันธ์และการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมดิจิทัล
จึงควรทำความรู้ให้เป็นประชาธิปไตย (Democratization of Knowledge) ด้วยการเรียนรู้การเข้าถึงแหล่งข้อมูลอย่างสร้างสรรค์ เช่น
การท่องอินเทอร์เน็ต
นำคำว่ากูเกิ้ล มาใช้อย่างมีเป้าหมาย โรงเรียนควรทำงานกับนักเรียนในการค้นหาข้อมูล
อย่างรู้จักใช้ สำรวจ ตรวจสอบ วิพากษ์ วิจารณ์ ความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล
วัตถุการเรียนรู้ เป็นทรัพยากรที่สมบูรณ์ในตัวเอง
มักอยู่ในรูปแบบดิจิทัลและ/หรือบนเว็บไซด์ซึ่งนำมาใช้และใช้ซ้ำ
เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ได้ เช่น วิดีโอบนยูทูบ ไฟล์เสียงและ/หรือ
วิดีโอสำหรับไอพอด เว็บไซด์แบบโต้ตอบ สไลต์ที่มีคำบรรยายและอื่น ๆ
แบบจำลอง
นักเรียนจะเรียนรู้ได้ลึกซึ้งเมื่อพวกเขาสามารถทดลองปรับตัวแปรต่าง ๆ
ในแบบจำลองได้
วิชาเรียนที่เผยแพร่ในมหาวิทยาลัย
ในปัจจุบันเว็บไซด์ MIT (Courseware และ Rice Connexions)
ได้เผยแพร่วิชาเรียนจำนวนนับพันสู่สาธารณชน iTunes University ก็เป็นอีกแหล่งหนึ่งและในปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นคือ Coursera
หลักสูตรออนไลน์ที่เกิดจากความร่วมมือของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก
วิชาเรียนออนไลน์สำหรับครูและนักเรียนในระดับก่อนอุดมศึกษา
วิชาเรียนทางออนไลน์สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้เรียน ซึ่งมีตั้งแต่ผู้เรียนที่มองหาความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
ไปจนถึงผู้เรียนที่ต้องเรียนซ่อม การเข้าถึงวิชาเรียนทางออนไลน์เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับนักเรียนที่กำลังมองหาทางเลือกนอกเหนือไปจาก
หลักสูตรท้องถิ่น ซึ่งมีข้อจำกัดในแง่เวลาและรูปแบบการเรียน
บทเรียนวิชาทางออนไลน์ บทเรียนบทหนึ่งใช้เวลา 4 –
5 วัน (วันละ 1 คาบ)
ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานรวมทั้งแผนการสอนและมีลักษณะโต้ตอบอย่างมากกับกลุ่มนักเรียนผ่านทางเว็บไซต์
การวางรากฐานที่มั่นคงในการเรียนรู้แบบสืบค้น
(Inquiry
Approach) ซึ่งนักเรียนเป็นศูนย์กลางและเป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง
กำลังอยู่บนทางแพร่งที่นักการศึกษากำลังพิจารณาว่า
จะยอมรับความเป็นประชาธิปไตยของความรู้ด้วยการเชื่อมต่อการเรียนรู้ในระบบและนอกระบบเข้าด้วยกันอย่างจริงจังหรือจะเพิกเฉยแล้วยอมเสี่ยงที่จะล้าสมัย
และกลายเป็นเพียงโรงงานผลิตประกาศนียบัตรสำหรับการเรียนรู้แบบโต้ตอบที่เกิดขึ้นนอกโรงเรียน
คำถามจากเชอริล เลมเก
เชอริล
เลมเก (2556). นวัตกรรมจากเทคโนโลยี ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การศึกษาเพื่อศตวรรษที่
21. พิมพ์
ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ: บริษัทโอเพนเวิลด์ส
พับลิชชิ่ง เฮาส์ จำกัด.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น