สุริยา เผือกพันธ์ เขียน
“สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน
เชื่อว่าหนทางที่จะขจัดความยากจนได้ คือ การทำธุรกิจ
เพื่อเปลี่ยนความช่วยเหลือจากแบบสังคมสงเคราะห์ไปสู่การส่งเสริมให้ชาวบ้านมีทักษะในการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านอื่น
ๆ โดยใช้หลักการมีส่วนร่วม”
คำสำคัญ : บันไดชีวิต
(Bamboo
Ladder), โครงการร่วมพัฒนาหมู่บ้าน, ธุรกิจเพื่อสังคม,
นักพัฒนาสังคม,
ต้นทุนทางสังคม (Social capital)
ต้นทุนทางสังคม (Social capital)
โครงการร่วมพัฒนาหมู่บ้านหรือ
Village
Development Partnership (VDP)
เป็นโครงการพัฒนาแบบองค์รวมระดับหมู่บ้าน เพื่อขจัดปัญหาความยากจนที่เป็นต้นเหตุของปัญหา
ไม่ใช่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยวิธีการช่วยเหลือแบบสังคมสงเคราะห์
ซึ่งเป็นวิธีเก่าใช้ไม่ได้ผล สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน
เชื่อว่าหนทางที่จะขจัดความยากจนได้ คือ การทำธุรกิจ
เพื่อเปลี่ยนความช่วยเหลือจากแบบสังคมสงเคราะห์ไปสู่การส่งเสริมให้ชาวบ้านมีทักษะในการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านอื่น
ๆ โดยใช้หลักการมีส่วนร่วม เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการ
ตามทางการพัฒนาแบบยั่งยืน ชาวบ้านจะมีส่วนร่วมการพัฒนาทุกขั้นตอน
เริ่มตั้งแต่ระดมความร่วมมือจากชาวบ้านเพื่อศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตหมู่บ้าน
ร่วมกันคัดเลือกคณะกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน
เพื่อเป็นตัวแทนสะท้อนความคิดความต้องการของชาวบ้านและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาหมู่บ้าน
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความยั่งยืนแม้การสนับสนุนของหน่วยงานจะสิ้นสุดแล้ว
กิจกรรมพัฒนาในหมู่บ้านยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยสมาคมฯ
เป็นเสมือนพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษา
โครงการร่วมพัฒนาหมู่บ้าน
เป็นการดำเนินการเพื่อสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างหมู่บ้านในชนบทกับผู้สนับสนุนโครงการ
ซึ่งอาจเป็นบุคคล ครอบครัว องค์กร
หรือธุรกิจเอกชนที่มีความประสงค์จะช่วยเหลือชาวชนบท โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีแนวคิดในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม
(Corporate
Social Responsibility) ซึ่งสามารถเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาชนบทและเลือกรูปแบบการมีส่วนร่วมตามนโยบาย
ทรัพยากรและทักษะความชำนาญของบริษัท
โดยบริษัทสามารถให้การสนับสนุนทั้งในรูปแบบของเงินทุน ความเชี่ยวชาญและทักษะความรู้ต่าง
ๆ เพื่อช่วยให้ชาวบ้านได้ริเริ่มธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจชุมชน
ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหลักในกระบวนการพัฒนาของของโครงการและเป็นการรวมความเชี่ยวชาญทางการประกอบธุรกิจของบริษัทและความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาบทบาทของสมาคม
ฯ เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งผลรวมของความร่วมมือนี้
จะแผ่ขยายไปยังการพัฒนาระดับประเทศจนถึงระดับภูมิภาค
"นักเรียนโรงเรียนมีชัยพัฒนาทำการประเมินคุณภาพชีวิตตนเอง"
โครงการร่วมพัฒนาหมู่บ้าน
มีผู้สนับสนุนหลักคือ Bill and Melinda Gates Foundation ซึ่งให้การสนับสนุนโครงการภายใต้ชื่อ Village Development for
Sustainable Health Development and Poverty Alleviation Project (VDP-GATE) มีระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี (มกราคม 2552- ธันวาคม 2555) ซึ่ง ณ บัดนี้ได้สิ้นสุดโครงการแล้ว
บันไดชีวิตนักเรียน (Bamboo
Ladder)
เป็นกิจกรรมส่วนขยายที่พัฒนามาเป็นหลักสูตรของสถานศึกษาในรายวิชานักพัฒนาสังคม
ที่มีเนื้อหาแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ
1) การเตรียมนักเรียน
การจัดตั้งองค์กรนักเรียน หรือคณะกรรมการบริหารนักเรียน
การจัดทำบันไดชีวิตนักเรียน
การประเมินความต้องการของโรงเรียนเพื่อจัดทำแผนพัฒนาโรงเรียนหรือ Community
Need (CNA) การจัดทัศนศึกษาดูงานหรือ Eye
Opener Tripและการทบทวน CAN และปรับปรุงแผนพัฒนา
2) แนวทางการพัฒนาโรงเรียน
ประกอบด้วยการปลูกต้นไม้เพื่อและเปลี่ยนเงินทุนธนาคารโรงเรียน
การจัดตั้งธนาคารโรงเรียนและการดำเนินกิจกรรมตามแผนพัฒนาโรงเรียน (CNA)
เนื้อหาหลักสูตรดังกล่าวใช้เวลาศึกษาเรียนรู้ 2 ภาคเรียนโดยส่วนที่ 1 เรียนในภาคเรียนที่ 1 และส่วนที่ 2 เรียนในภาคเรียนที่ 2
หลังการจัดตั้งองค์กรนักเรียนในรูปคณะกรรมการระดับต่าง
ๆ นักเรียนจะเรียนรู้วิธีการจัดทำบันไดชีวิต โดยใช้เทคนิคบันได (Ladder
Technique) ทั้งนี้เพื่อทำให้ทราบทัศนคติ ความนิยม
รวมไปถึงการให้คุณค่าของแต่ละบุคคลและชุมชนที่มีต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ซึ่งเป็นวิธีการที่จะได้รับทราบสภาพของชุมชนผ่านทางสายตาของคนในชุมชนและเป็นการศึกษาชุมชนอย่างเป็นองค์รวม
(Holistic) นอกจากนี้
ยังเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับชุมชนและร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยสมาชิกของชุมชนเอง
กระบวนการเหล่านี้เป็นการเรียนรู้ถึงต้นธารของการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน
การที่คนในชุมชนมารวมตัวกันแล้วจัดรูปเป็นองค์กรการจัดการ มีการเรียนรู้ที่ทรงพลัง
ด้วยการวิเคราะห์ปัญหา วินิจฉัยปัญหา วิเคราะห์ทางเลือกและตัดสินใจเลือกที่ถูกต้อง
"นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์คุณภาพชีวิตตนเองในระดับชั้นเรียน"
"นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์คุณภาพชีวิตตนเองในระดับชั้นเรียน"
การรวมตัวของคนในชุมชนทำให้เกิดต้นทุนทางสังคม
(Social
capital) บวกกับการมีการจัดการและการเรียนรู้
จะทำให้ศักยภาพในการแก้ปัญหาของชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด
สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง
โรงเรียนเป็นชุมชนหนึ่งที่มีความหลากหลายทางคุณวุฒิ
วัยวุฒิ เช่นสังคมโดยทั่วไป
การจัดหลักสูตรเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงในโรงเรียน
เป็นการเตรียมความพร้อมให้เยาวชนได้มีโอกาสพัฒนาทักษะชีวิตเพื่อนำไปใช้ในสังคมแห่งศตวรรษที่
21
อันเป็นสังคมที่จะมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในอนาคตข้างหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น