Kalantzis and Cope เขียน
สุริยา เผือกพันธ์ แปลและเรียบเรียง
บ่อยครั้งที่เทคโนโลยีใหม่
ๆ นำมาสู่ความยุ่งเหยิง
ทุกวันนี้สถานบันเก่าแก่เกี่ยวกับการสื่อสารอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างเช่น สารานุกรมวิกิพีเดีย (Wikipedia) คือวิธีการที่ทำให้สารานุกรมที่เป็นสิ่งพิมพ์ต้องปิดตัวลงอย่างมีประสิทธิภาพ
บล็อกและแหล่งข่าวออนไลน์ (Blog and News sources) ได้เข้ามารุกคืบพื้นที่ข่าว
ทำให้หนังสือพิมพ์ต้องมีการเปลี่ยนแปลง
สิ่งพิมพ์เกี่ยวกับดนตรีและอุตสหกรรมเพลงก็กำลังมีการเปลี่ยนแปลง โทรทัศน์แบบเดิม
ๆ กำลังแข่งขันกันอย่างรุนแรงกับการอัปโหลดวีดิโอ เช่น ยูทูป (Youtube) และ วิมีโอ (Vimeo) ที่สามารถสร้างงานด้วยเครื่องมือที่มีราคาถูกและง่ายต่อการใช้งานตัวอย่างเช่น
สมาร์ทโฟน (Smart Phone) ที่ทุกคนสามารถสร้าง พอดแคสต์ (podcast) และบอร์ดแคสต์ (broadcast) เผยแพร่ไปทั่วโลกได้
การพัฒนาเครื่องมือทั้งหมดให้ง่ายต่อการใช้งานเหล่านี้
เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยคนที่ใช้บริการสามารถร่วมสร้างงานต่าง ๆ
ลงในเครื่องมือเหล่านี้เพื่อเผยแพร่ได้ด้วย
ทั้งแนวคิดและความรู้สึกที่ทุกคนได้ร่วมกันพัฒนา การใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นงานเฉพาะของนักหนังสือพิมพ์
วิชาชีพโทรทัศน์ นักเขียนมืออาชีพและนักวิจัยต่าง ๆ ที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในฐานะ
ผู้อ่าน ผู้ชม และผู้ฟังด้วย
ปัจจุบันนี้ทุกคนสามารถเป็นผู้ผลิตสื่อ ความจริงมีได้นับล้าน ๆ คน ถ้าพวกเราคิดที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อประโยชน์ของอนาคต เราสามารถมองภาพไปถึงสังคมข้างหน้าที่เราไม่เพียงแต่เป็นผู้บริโภคและรับความรู้อย่างเดียว แต่ยังเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำและมีความรับผิดชอบในชีวิตการทำงานและการสื่อสารของพวกเรา เราสามารถเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้แบ่งปันความรู้ต่าง ๆ ได้ด้วย
พวกเรามีความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้
อาจจะเข้าไปสู่ระบบโรงเรียน ซึ่งดูจะยุ่งเหยิงเท่า ๆ
กับการเปลี่ยนแปลงในอุสาหกรรมและระบบการสื่อสารเช่นกัน ในฐานะของครู เราต้องการกำหนดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และสร้างความมั่นใจว่า
นักเรียนจะได้รับสิ่งที่ดีกว่า
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการเรียนรู้แบบใหม่กับแบบดั้งเดิม
การเรียนรู้แบบใหม่
|
การเรียนรู้แบบดั้งเดิม
|
วิธีการสื่อสาร(Wass of Communication)
การสื่อสารอยู่ในแนวระนาบนักเรียนมีปฏิสัมพันธ์กับงานของผู้อื่นที่อยู่รอบข้างด้วยความต่อเนื่องและให้ความสำคัญกับการสื่อสารในแนวระนาบ
วิธีการเหล่านี้ทำให้ดูเหมือนห้องเรียนมีงานมาก หนวกหู ซึ่งนักเรียนจะต้องมีการโครงร่างการจัดกิจกรรมในโครงการอย่างพิถีพิถันและการทำแผนการทบทวนยกร่าง
งานกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบทบทวนโดยกลุ่ม เกณฑ์การให้คำจำกัดความ
กำหนดการจัดพิมพ์เอกสาร เป็นต้น
|
วิธีการสร้างความสัมพันธั(Way of relating)
ส่วนมากห้องเรียนจะเงียบ งานที่ทำเป็นงานเดี่ยว การพูดคนเดียวเวลาที่มีการอภิปรายคือสิ่งที่ดีที่สุด
เสียงที่ดังในชั้นเรียนจะถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ผิด
|
ความสัมพันธ์แบบคู่ขนาน (Lateral learning relations)
การเรียนรู้เป็นกลุ่มอยู่บนพื้นฐานของจุดประสงค์ที่ชัดเจนและหลักสูตรที่สามารถสะท้อนผลและทบทวนมุมมองได้
โครงงานที่ครูออกแบบสนับสนุนให้นักเรียนทำงานด้วยตัวเองและทำงานร่วมกับผู้อื่นภายใต้การดูแลของครูและที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น
ๆ
|
ความสัมพันธ์แบบแนวตั้ง (Hierarchical learning relations)
ครูเป็นศูนย์กลางและเป็นหน่วยจัดการขนาดเล็ก
|
วิธีการคิด (Ways of Thinking)
การรู้คิดและการคิดระดับที่สูงกว่า การคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คิด คิดวิพากษ์วิจารณ์
คิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ให้การสะท้อนผลถึงการสร้างเป็นเครื่องมือในการคิดและพูดออกมาเกี่ยวกับหลักวิชาและหลักการที่อยู่เบื้องหลัง
|
วิธีการเรียนรู้
(Ways of Learning)
ความคิดมาจากคำสั่ง (First
order thinking)
ดูดซับความจริง ทำซ้ำและประยุกต์ใชกฎเกณฑ์
|
การเรียนรู้แบบใหม่
|
การเรียนรู้แบบดั้งเดิม
|
การเรียนรู้ส่วนบุคคล (Individual Learning)
มีแผนงานโครงการเฉพาะตนเพราะคนทุกคนไม่ได้ทำในสิ่งที่เหมือนกันในเวลาและสถานที่เดียวกันได้เสมอไป
|
การเรียนรู้แบบเดียวกัน (Homogeneous Learning)
ทุกคนทำงานจากแผ่นกระดาษหน้าเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกันทั้งชั้นเรียน
แต่เมื่อดูทั่วทั้งห้องจะเห็นว่า บางคนไม่เข้าใจและบางคนเบื่อหน่าย
|
วิธีการสอน (Ways of Teaching)
มีการสอนที่แตกต่างกัน
สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวนักเรียนเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกตามความต้องการของการเรียนรู้
ความสนใจและความถนัด
|
วิธีการสอนวิธีเดียว (One size fits all)
ในห้องเรียน
|
การเรียนรู้มีอยู่ทั่วไป (Ubiquitous Learning)
การเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
เพราะแผนงานโครงการอยู่บนเว็บไซด์และกลุ่มเพื่อนอยู่ในออนไลน์
|
การเรียนรู่อยู่อย่างโดดเดี่ยว (Institutionally isolated learning)
กักขังตนเองอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมและติดอยู่กับตารางเรียน
|
วิธีการประเมินผล (Ways of Assessing)
การประเมินผลระหว่างเรียน การประเมินผลกระจายไปทุกการเรียนรู้
การประเมินผลรวมมีความสำคัญเป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลมาเพื่อพูดคุยและลงมือวิเคราะห์จากแหล่งข้อมูลอย่างหลากหลาย
เช่น ประเมินจากตนเอง เพื่อนและครู เป็นต้น
|
การปะเมินผลรวม (Summative Assessment)
จริง
ๆ แล้ว การประเมินรู้ข้อมูลเพียงว่า ระบบว่า คิดอย่างไรนักเรียนจะก้าวหน้าได้เมื่อทำตามสิ่งที่ระบบคิดไว้แล้วทดสอบ
ซึ่งทุก ๆ ครั้งจะทำการทดสอบความจำในกลางเทอม
มากกว่าสิ่งที่นักเรียนได้ทำหรือสามารถทำในเนื้อหาวิชานั้น ๆ
|
ประเภทของสื่อนำสนอเ (Typs of Media)
การเรียนรู้หลายรูปแบบ นักเรียนสามารถเสนอความรู้โดยการเขียนลงเว็บ
ออกแบบผสมผสานข้อความ ภาพ เสียงและแฟ้มข้อมูลชนิดต่าง ๆ ได้
|
ขึ้นอยู่กับ อาร์ 3 ตัว (The three “r” s)
เน้นแบบเรียนและเขียนแบบฝึกหัดเฉพาะในแบบเรียน
|